รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา ทำไงดี
รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา อาจไม่ใช่เรื่องแปลกนักเพราะมีคนเป็นจำนวนมากที่รู้สึกเช่นนั้น มีงานวิจัยที่ระบุว่าผู้ใหญ่ถึง 1 ใน 3 นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ก็ยังต้องไปทำงานหรือทำธุระต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เราสามารถแก้ไขอาการอ่อนเพลีย และไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยตลอดอีกต่อไป
คำถามแรกที่คุณมักถามตัวเองคือ “ทำไมฉันถึงรู้สึกเพลียตลอดเวลา” และ “ฉันจะแก้ไขการอ่อนเพลียนี้ได้อย่างไร” คำตอบคือ เพราะคุณพักผ่อนไม่พอนั่นเอง และทางแก้ไขก็คือ จัดตารางชีวิตเสียใหม่
โดยให้เวลาตัวเองเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงทีละน้อย เช่น ลดเวลาทำงาน ลดการพบปะสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ลง หาเวลาส่วนตัวสำหรับพักผ่อน นอนหลับจริง ๆ ไม่ใช่นอนเล่นมือถือบนเตียงจนเช้า หรือดูซีรีส์จนสว่างคาตา เพิ่มเวลานอนหลับให้มากยิ่งขึ้น การนอนหลับให้พออาจต้องสร้างบรรยากาศในห้องนอนที่เอื้อต่อการนอนหลับ แต่หากทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแล้วก็ยังคงรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลาอยู่ ก็ลองสำรวจตัวเองดูว่าคุณมีพฤติกรรมผิด ๆ เหล่านี้หรือไม่
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป การดื่มน้ำน้อยเกินไปทำให้เลือดในร่างกายข้นและไหลเวียนช้า ทำให้ออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้น้อยลง และทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย
- ไม่ได้กินอาหารเช้า เพราะอาหารเช้าช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกายและสมอง ทำให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย
- กินอาหารขยะ (Junk food) มากเกินไป อาหารเหล่านี้เกือบทุกชนิดมีน้ำตาล ไขมัน โซเดียม และคาร์โบไฮเดรตสูงมาก
- ดื่มแอลกอฮอล์ช่วง 3 ชั่วโมงก่อนนอน ทำให้ฮอร์โมนอดรีนาลีนในร่างกายสูงขึ้น ร่างกายจึงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
- ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือรับข่าวสารเรื่องเครียด ๆ ก่อนเข้านอน ข้อมูลเหล่านี้จะยังติดอยู่ในสมอง ส่งผลให้จิตใจไม่สงบ ฝันร้าย และนอนไม่หลับได้
- เล่นมือถือ แท็บเล็ตก่อนนอนมากเกินไป เพราะแสงสว่างจากหน้าจอจะทำให้นาฬิกาชีวิตปรวนแปรได้
และยังทำให้สายตาเสียอีกด้วย - มีความเครียดในการทำงานและชีวิตประจำวันสูง การมีหน้าที่รับผิดชอบสูงมาก ๆ อาจทำให้อ่อนเพลียทั้งกายและใจ อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา ลองใช้วิธีแก้ไขด้วยการพยายามปล่อยวาง ผ่อนคลาย และฝึกสมาธิให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้น
หากมั่นใจแล้วว่านอนหลับ พักผ่อนเป็นเวลานาน แต่ตื่นนอนแล้วก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ คุณควรไปปรึกษาแพทย์เพราะนั่นอาจเป็นอาการของโรคบางอย่าง เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นภาวะที่มีการหยุดหายใจเป็นระยะ ๆ หรือมีการหายใจตื้น ๆ สลับกับการหายใจที่เป็นปกติในระหว่างที่นอนหลับ อาจเป็นเพียงไม่กี่วินาทีหรืออาจยาวเป็นนาทีก็ได้ โดยมักเกิด 5 – 30 ครั้งหรือมากกว่าในเวลา 1 ชั่วโมง ส่งผลให้นอนหลับได้ไม่เต็มที่และอ่อนเพลียในตอนเช้า เกิดจากอุดกั้นทางเดินหายใจจากการคลายตัวของกล้ามเนื้อช่วงลำคอ หรือความหนาของเนื้อเยื่อผนังคอในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน การหยุดหายใจขณะหลับทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง ส่งผลให้สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ และไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือพยายามนอนตะแคง หลีกเลี่ยงการนอนหงาย งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ก่อนนอน รวมถึงลดน้ำหนักหากน้ำหนักเกิน โดยแพทย์จะแนะนำการรักษาการหยุดหายใจขณะหลับที่เหมาะสม
แต่สำหรับคนทั่ว ๆ ไปที่ไม่มีภาวะผิดปกติทางสุขภาพ การแก้ไขที่มักได้ผลเสมอ คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันนั่นเอง นอกจากนั้นควรหาวิธีให้ตัวเองนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ อาจดื่มนมอุ่น ๆ ก่อนนอนเพื่อช่วยให้หลับง่ายขึ้น เพราะในนมมีทริปโตเฟนซึ่งช่วยในการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งช่วยให้หลับง่ายและหลับลึกขึ้น เพิ่มการกินไข่ขาวและเมล็ดฟักทองซึ่งมีทริปโตเฟนสูงเช่นกัน งดการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือทำงานบนเตียงนอน และผ่อนคลายจิตใจด้วยการทำสมาธิ กำหนดหายใจเข้าออก เมื่อจิตใจสงบแล้ว ร่างกายก็จะผ่อนคลายทำให้นอนหลับง่ายในที่สุด
เมื่อทราบแล้วว่า การรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลาส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และวิธีแก้ไขอาจง่ายดายมากโดยเริ่มที่ตัวคุณเอง ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความอ่อนเพลียบั่นทอนร่างกายและจิตใจ รีบแก้ไขเสียตั้งแต่วันนี้ แล้วประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างแทบไม่น่าเชื่อ
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ
แหล่งข้อมูล : www.prevention.com
ภาพประกอบ : www.unsplash.com