ครบเครื่องการดูแลสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ การป้องกันโรค การเงินเพื่อสุขภาพ สำหรับวัยทำงาน

.jpg

วิธีคำนวณเบี้ยประกันชีวิต เขาทำกันอย่างไร วันนี้เลยนำวิธีคำนวณเบี้ยประกันชีวิต แบบง่าย ๆ มาฝากกัน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การทำประกันชีวิต มีประโยชน์กับครอบครัวหลาย ๆ อย่าง การทำประกันชีวิตโดยชำระเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับรายได้ก็จะทำให้ครอบครัวมีความอุ่นใจ

 

โดยปกติแล้วผู้เขียนจะแนะนำให้ลูกค้าทำประกันชีวิต ประมาณ 10 – 20% ของรายได้ปัจจุบัน แต่ในอนาคต รายได้เพิ่มขึ้นก็ควรจะมีการปรับพอร์ทการทำประกันให้สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ

 

วิธีคำนวณเบี้ยประกันชีวิต 

ผมจะยกตัวอย่างแบบประกันของบริษัท เอไอเอ ที่เป็นที่นิยมอย่างมากขึ้นมา 1 แบบ แบบประกันแบบนี้จะให้ความคุ้มครองชีวิตทุกกรณีหากเสียชีวิตไป ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด เช่น เสียชีวิตจากการเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

วิธีคำนวณ

จากสูตร: (ทุนประกันชีวิต x อัตราเบี้ยประกันชีวิต) / 1,000 = เบี้ยประกันชีวิตที่ต้องชำระต่อปี
ทุนประกันชีวิต: ความคุ้มครองที่เราต้องการหาก ผู้เอาประกันเสียชีวิต
อัตราเบี้ยประกันชีวิต: ขอได้จากตัวแทน (บริษัทเป็นผู้กำหนดโดยคำนวณจากอัตรามรณะของประชากรไทย)

1,000: เป็นเลขคงที่

จากสูตร: (ทุนประกันชีวิต x อัตราเบี้ยประกันชีวิต) / 1,000 = เบี้ยประกันชีวิตที่ต้องชำระต่อปี

ตัวอย่างที่ 1 สมมุติว่าคุณต้องการซื้อประกันชีวิต ทุน 100,000 บาท ก็จะได้สมการแบบนี้
(100,000 x 26.03) / 1,000 = 2,603 บาท (สองพันหกร้อยสามบาทต่อปี)
เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าถ้าต้องการซื้อประกันชีวิต 100,000 บาท
คุณก็จ่ายเบี้ยประกันปีละ 2,603 บาท

ตัวอย่างที่ 2 สมมุติว่าคุณต้องการซื้อประกันชีวิต ทุน 230,000 บาท ก็จะได้สมการแบบนี้
(230,000 x 26.03) / 1,000 = 5,986.90 บาท (ห้าพันเก้าร้อยแปดสิบเจ็ดบาทต่อปี)
เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่าถ้าต้องการซื้อประกันชีวิต 230,000 บาท
คุณก็จ่ายเบี้ยประกันปีละ 5,986.90 บาท

 

เคล็ดลับซื้อประกันราคาถูก

คุณรู้หรือไม่ว่า ประกันชีวิตมีส่วนลดเบี้ยประกันให้ด้วยนะ หากซื้อเยอะส่วนลดอัตราเบี้ยประกัน (ข้อกำหนดของแต่ละแบบประกัน และแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน)

  • ทุนประกันชีวิต 100,000 – 249,999 บาท ไม่มีส่วนลดอัตราเบี้ยประกัน
  • ทุนประกันชีวิต 250,000 – 599,999 บาท มีส่วนลดอัตราเบี้ยประกัน 1 บาท
  • ทุนประกันชีวิต 600,000 ขึ้นไป มีส่วนลดอัตราเบี้ยประกัน 2 บาท

ตัวอย่างที่ 3 สมมุติว่าคุณต้องการซื้อประกันชีวิต ทุน 1,000,000 บาท เช่น
ปกติหากซื้อทุนประกันชีวิตที่ 1,000,000 บาท
(1,000,000 x 26.03) / 1,000 = 26,030 บาท ต่อปี
แต่ถ้าคำนวณโดยใช้ ส่วนลดอัตราเบี้ยประกัน
(1,000,000 x (26.03-2)) / 1,000 = 24,030 บาท ต่อปี 
ประหยัดเงินไปได้ 2,000 บาทต่อปีเลยที่เดียว

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: moneyhub.in.th.(2011).วิธีคำนวณเบี้ยประกันชีวิต.1 มกราคม 2558.
แหล่งที่มา: https://moneyhub.in.th
ภาพประกอบจาก:  www.insurefordream.com 


-1.jpg

5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณต้องทำประกันสุขภาพ มีอะไรบ้าง ไปติดตามกันค่ะ

 

เหตุผลที่ทำไมทุกคนควรต้องมีประกันสุขภาพ

  1. พราะค่ารักษาพยาบาลแพงมาก และแพงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี
    โรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อคุณไม่สบาย หรือเจ็บป่วย แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาล ซึ่งค่ารักษาพยาบาลดังกล่าวนั้นสูงมาก การรักษาในบางโรคคุณอาจจะต้องเสียเงินเป็นล้าน ซึ่งข้อดีของการทำประกันสุขภาพ คือ ช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลแทนคุณ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงอีกต่อไป
  2. การทำประกันสุขภาพให้ความอุ่นใจ
    การมีประกันสุขภาพจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้คุณในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หากคุณมีการเจ็บป่วย บริษัทประกันจะเข้ามาดูแลค่ารักษาพยาบาลแทนคุณ โดยที่คุณไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลที่จะเกิดขึ้น อีกทั้ง คุณจะได้รับคำปรึกษาและการดูแลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้คุณสามารถอุ่นใจได้ในทุกย่างก้าวของคุณ
  3. ลดภาระค่าใช้จ่ายของคุณและครอบครัวของคุณ
    ยามที่คุณเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ภาระเรื่องค่าใช้จ่ายอาจจะภาระใหญ่ ที่ทำให้คุณและคนในครอบครัวต้องเป็นกังวล แต่เมื่อคุณทำประกันสุขภาพ จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ จะช่วยดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลแทนคุณ ซึ่งจะทำให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป คุณจะได้รับความคุ้มครองสุขภาพทุก ๆ กรณี ไม่ว่าจะเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือโรคร้ายแรงก็ตาม
  4. ป้องกันการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงได้
    คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีประกันสุขภาพเมื่อเกิดการเจ็บป่วยโดยมากแล้ว มักหลีกเลี่ยงที่จะไปพบแพทย์เนื่องจากกลัวต้องเสียค่ารักษาพยาบาลที่แพง และมักจะหายามารับประทานเอง ซึ่งบางครั้งการไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีจากแพทย์นั้น แม้อาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงได้ การมีประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่าย ดังนั้น คุณจะกล้าที่จะไปพบแพทย์มากขึ้น ถึงแม้ว่าคุณจะมีอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย
  5. มีที่ปรึกษาด้านการดูแลสุขภาพ
    ในบางบริษัทที่ให้บริการด้านประกันสุขภาพ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีทีมแพทย์และทีมพยาบาลคอยให้คำแนะนำ และให้การดูแลในเรื่องของการรักษาพยาบาลสำหรับโรคต่าง ๆ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาในเรื่องของดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีการให้ข้อมูล และความรู้ทางด้านการแพทย์อีกด้วย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: bupa.(2010).ทำไมถึงต้องมีประกันสุขภาพ. 2 มีนาคม 2558.
แหล่งที่มา: www.bupa.co.th
ภาพประกอบจาก: www.skincare-univ.com

 


health-insurance.jpg

การประกันสุขภาพ คือ อะไร

การประกันสุขภาพ คือ การประกันภัยที่บริษัทประกันภัยตกลงที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จากการรักษาพยาบาลของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่าค่ารักษาพยาบาลนั้นจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยจากโรคภัย หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุให้แก่ผู้เอาประกันภัย

 

การประกันสุขภาพมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีขอบเขตความคุ้มครองแค่ไหน

การประกันสุขภาพ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การประกันภัยอุบัติเหตุ และสุขภาพหมู่และการประกันภัยอุบัติเหตุ และสุขภาพรายบุคคล ทั้ง 2 ประเภท ให้ความคุ้มครองที่เหมือนกัน โดยแบ่งความคุ้มครองหลักออกได้เป็น 7 หมวด ได้แก่

  • ให้ความคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการป่วยไข้ โดยจะชดเชยค่าใช้จ่ายอันเกิดจาก

    • ค่าห้องและค่าอาหาร
    • ค่าบริการทั่วไป
    • ค่าใช้จ่ายในกรณีที่มีการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน หลังการเกิดอุบัติเหตุ
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการผ่าตัด ค่าปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการผ่าตัด
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการให้แพทย์มาดูแล
  • ค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาที่คลินิก หรือแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล
  • ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาฟัน
  • การชดเชยค่าใช้จ่าย

อันเกิดขึ้นจากการบริการโดยพยาบาลพิเศษขณะอยู่ในโรงพยาบาล หรือที่บ้านภายหลังจากการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์

 

อัตราเบี้ยประกันภัยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไร

อายุ อายุของผู้เอาประกันภัยที่แตกต่างกัน สามารถแสดงถึงโอกาสที่ร่างกายจะบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับผลกระทบแทรกซ้อนแตกต่างกันไปด้วย เพราะบุคคลทั่วไปเมื่อมีอายุมากขึ้น ก็จะมีโอกาสเกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพได้มากขึ้น และถ้าได้รับบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยแล้วประสิทธิภาพในการที่ร่างกายจะซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอก็จะลดลง มีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบรุนแรง และต้องใช้เวลาในการพักรักษาตัวนานกว่าบุคคลที่มีอายุน้อยกว่า

เพศ ปัจจุบันความเสี่ยงภัยของเพศหญิงจะไม่แตกต่างจากเพศมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ความแข็งแรงของสุขภาพร่างกายยังมีความแตกต่างกันอยู่โดยปกติ เพศหญิงจะใช้เวลาในการฟื้นตัวจากการเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บทางร่ายกายนานกว่าเพศชาย ผู้รับประกันภัยจึงอาจจะรับประกันภัย โดยกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยสูงกว่าเพศชาย

สุขภาพ ได้แก่ ประวัติเกี่ยวกับสุขภาพและการรักษาพยาบาล รวมทั้งสภาพร่ายกายของผู้ขอเอาประกันภัย บุคคลที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยรุนแรง โอกาสที่จะได้รับการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยร้ายแรง หรือได้รับผลกระทบจนทุพพลภาพเป็นเวลานานในอนาคต ก็ย่อมเป็นไปได้น้อยกว่าบุคคลที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอผิดปกติ หรือมีประวัติการเจ็บป่วยร้ายแรงมาก่อน อีกทั้งอาการผิดปกติของร่างกาย หรือจิตใจ บางอย่างจะก่อให้เกิดแนวโน้ม หรือความเป็นไปได้สูงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น โรคลมบ้าหมู ประสาทหลอน หรืออาการตื่นตกใจง่าย เป็นต้น

อาชีพ อาชีพแสดงถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงภัย หรือแนวโน้มที่จะได้รับบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยที่ต่างกันออกไป

การดำเนินชีวิต แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพ หรืออุบัติเหตุของบุคคลที่แตกต่างกันไป  เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การเล่นกีฬาที่เสี่ยงอันตราย เป็นต้น

สำหรับการประกันภัยหมู่ จะต้องมีการพิจารณาถึงจำนวนบุคคลที่จะเอาประกันภัยด้วย เพราะถ้าจำนวนบุคคลมาก การกระจายความเสี่ยงจะมีมากกว่า ซึ่งจะทำให้อัตราเบี้ยประกันภัยต่ำลงได้

การพิจารณารับประกันภัยของบริษัท

การพิจารณารับประกันภัยของบริษัท ย่อมขึ้นอยู่กับสุขภาพ/อายุของผู้เอาประกันภัยเป็นสำคัญ และในการให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยนั้น บริษัทจะไม่คุ้มครอง “โรคที่เป็นมาก่อนการทำประกันภัย”  เช่น หากผู้เอาประกันภัยเป็นโรคเบาหวานมาก่อนการทำประกันภัย บริษัทจะไม่คุ้มครองหากผู้เอาประกันภัยนั้นต้องรักษาตัวด้วยโรคเบาหวาน แต่จะคุ้มครองหากผู้เอาประกันภัยนั้นเกิดเป็นโรคหัวใจขึ้นมาภายหลัง

ดังนั้น หากผู้ขอเอาประกันภัยที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวหลายอย่าง โอกาสที่จะเจ็บป่วยในอนาคตย่อมมากกว่าผู้มีสุขภาพแข็งแรง บริษัทอาจจะพิจารณารับประกันภัยผู้ขอเอาประกันภัยรายนั้นด้วยเบี้ยประกันภัยที่สูงกว่าคนปกติ หรืออาจจะไม่รับประกันภัยเลยก็ได้ ในกรณีที่ผู้ขอเอาประกันภัยเจ็บป่วยด้วยโรคที่รุนแรง เช่น เอดส์ มะเร็ง บริษัทมักจะไม่รับประกันภัย

 

หลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นอย่างไร

การจ่ายค่าสินไหมทดแทนสำหรับการประกันสุขภาพ ยึดหลักเกณฑ์ดียวกับการประกันภัยประเภทอื่น ๆ คือ “จ่ายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่สูงสุดไม่เกินจำนวนเงินที่เอาประกันภัยไว้”

 

ข้อยกเว้นความคุ้มครอง

การประกันสุขภาพ โดยทั่วไปจะไม่คุ้มครองการเข้าพักรักษาตัว ซึ่งมิได้เกิดขึ้นจากการบาดเจ็บ หรือป่วยไข้ เช่น การทำหมัน การทำศัลยกรรม การลดความอ้วน การพักผ่อน รวมทั้งการรักษาโรคประสาท กามโรค การติด และการตรวจสายตา เช่นกัน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: การประกันสุขภาพ.(2010).สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย.8 ตุลาคม 2559.
แหล่งที่มา: www1.oic.or.th
ภาพประกอบจาก: www.moph.go.th


.jpg

มีหลายท่านที่มีความสนใจอยากจะทำประกันสุขภาพ กลัวเวลาตัวเองป่วยเข้าโรงพยาบาลจะไม่เงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล กังวลต่าง ๆ นานา กังวลว่าจะทำอย่างไรที่คิดว่าเราเลือกดีที่สุดแล้ว กลัวคนรอบข้างตำหนิได้ จะเอาอะไรมาวัดความคุ้มกับเงินทองที่หาแสนยาก เพื่อจะซื้อประกันสักฉบับ แล้วที่ได้ล่ะ จะให้ได้บริการที่ดีที่สุด ต้องเปรียบเทียบหลายที่ จนแล้วจนรอดก็เลือกไม่ได้สักที ไป ๆ มา ๆ เจ็บป่วยเสียก่อน ทำให้ประวัติเสีย บริษัทประกันไม่รับประกัน เพราะมั่วแต่เสียเวลากับการตัดสินใจจะทำ

 

ไอเดียในการเลือก ประกันสุขภาพ

  1. ศึกษาแบบประกันว่าคุ้มครอง และไม่คุ้มครองอะไรบ้าง สามารถครอบคลุมทันที หรือต้องรอให้อยู่ในช่วงใดที่เรียกว่าระยะเวลารอคอย
  2. ระยะเวลาประกันความคุ้มครองที่สามารถซื้อประกันสุขภาพได้ เมื่ออายุมากขึ้นหรือไม่ เช่น บริษัทประกันส่วนใหญ่ที่ขายประกันสุขภาพซื้อได้ถึงอายุ 60 ปี เมื่ออายุ 60 แล้ว หากไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพได้ และหากไม่มีประกันสุขภาพ จะสามารถดูแลค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพอย่างไรบ้าง
  3. การทำประกันสุขภาพที่มีประกันแบบผู้ป่วยนอก OPD จะมีประโยชน์กว่า เพราะตามหลักจิตวิทยา คนเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากนอนโรงพยาบาล ให้มองเผื่อไว้ก็ดี หากปีนี้ไม่ได้ซื้อไว้
  4. ตรวจสอบโรงพยาบาลที่เข้าร่วมแบบไม่ต้องสำรองจ่ายเงินสด เผื่อไว้กรณีฉุกเฉินเงินขาดมือ เมื่อป่วยจะได้มีตัวช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้ ยิ่งมีรายชื่อโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการด้วยมาก ก็หมายความว่าคุณจะมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
  5. ตรวจสอบเวลาการทำงานของฝ่ายพิจารณาสินไหมของบริษัทประกัน ควรสอบถามเวลาการทำงานของแผนกพิจารณาสินไหม เพราะบางแห่งถ้าเราเข้าโรงพยาบาลแล้วจำเป็นต้องออกจากโรงพยาบาลตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ บริษัทปิดรับ Fax Claim ไปแล้วต้องรอวันทำการวันถัดไป กรณีนี้ลูกค้าต้องสำรองเงินก่อน ทำให้เสียโอกาสไป เสียเวลา
  6. ควรศึกษาตารางผลประโยชน์ให้ดีว่าซื้อค่าห้องเท่านี้ องค์ประกอบภายในได้เท่าไร ค่าหมอ ค่าผ่าตัด ค่าใช้จ่ายทั่วไป ว่าพอดีกับยุคเศรษฐกิจและความต้องการในปัจจุบันหรือไม่ ปัจจุบันค่าใช้จ่ายค่าห้องของโรงพยาบาลสูงมาก บางโรงพยาบาลเป็นหลักหมื่นต่อวัน ให้เปรียบเทียบบริษัทประกันที่สามารถซื้อได้เผื่อถึงจุดนี้ เพราะต่อไปในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องค่าห้อง จะได้อุ่นใจได้ว่าบริษัทประกันสามารถรองรับได้
  7. อย่าลืมศึกษาสอบถามตัวแทนว่าถ้าต้องสำรองจ่ายไปแล้ว บริษัทจ่ายคืนเร็วหรือเปล่า ภายในกี่วัน
  8. สิ่งสำคัญนอกจากรู้จักตัวแบบประกันสุขภาพแล้ว อย่าลืมดูฐานะการเงินของบริษัทประกัน และดูบุคลิกภาพตัวแทน ตลอดจนความรู้ความสามารถว่าจะสามารถบริการได้หรือเปล่า

เพียงเท่านี้คุณก็จะอุ่นใจได้ว่า สิ่งที่คุณตัดสินใจทำประกันแล้วไป คุ้มค่าจริงๆ …

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก supreme24.net.(2008).ปัจจัยในการเลือกประกันสุขภาพ.24 มกราคม 2558.
แหล่งที่มา: http://supreme24.net
ภาพประกอบจาก: www.usatoday.com


.jpg

คนทั่วไป หรืออีก 71.6% ของจำนวนประชากรไทย ไม่ชอบซื้อประกันชีวิต อาจมาจากหลาย ๆ สาเหตุ บางส่วนของเหตุผล คือ ตัวแทนส่วนใหญ่ชอบ “ขายแบบประกันชีวิต”  โดยให้ (ว่าที่) ลูกค้าที่ไม่ชอบซื้อประกันชีวิต และให้ลูกค้าเลือกหลาย ๆ แบบ หากลูกค้าไม่ชอบก็เปลี่ยนแบบไปเรื่อย ๆ สุดท้ายลูกค้าก็ไม่ซื้ออยู่ดี

 

ไม่ชอบซื้อประกันชีวิต ชอบซื้อความมั่นคงของครอบครัว

ลูกค้าจะทำประกันชีวิตก็ต่อเมื่อหากมีวิธีการที่ทำให้เขามีความมั่นคงทางรายได้ของครอบครัว “เขาอยากทำ” คนส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการซื้อประกันชีวิต แต่ต้องการซื้อความมั่นคงของครอบครัว ว่าเขาควรทำอย่างไรเกี่ยวกับรายได้ของครอบครัว ถ้าหากเขาเสียชีวิตไป ครอบครัวยังคงมีเงินใช้อยู่ ไม่เดือดร้อน และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ลูกค้าตัดสินใจ

 

ไม่ชอบซื้อประกันชีวิต ชอบซื้อความมั่นคงตอนเกษียณ

ลูกค้าแค่อยากรู้วิธีสร้างความมั่นคงตอนเกษียณ พวกเขาจะนึกเสมอว่า ถ้าฉันไม่มีเงินใช้ตอนฉันเกษียณฉันจะลำบาก ทำอย่างไรให้เกษียณอายุแล้วมีเงินใช้ หากตัวแทนแนะนำวิธีการเก็บเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคงตอนเกษียณอายุ ลูกค้าจะตัดสินใจ

 

ไม่ต้องการซื้อประกัน ชอบซื้อวิธีการรักษาทรัพย์สมบัติ

คนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ทำงานหารายได้ นอกเหนือจากนำมาเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว ก็มุ่งเน้นนำมาสร้างทรัพย์สมบัติให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น

ถามผู้อ่าน

  1. คุณยังผ่อนบ้านอยู่หรือไม่
  2. คุณตั้งใจจะผ่อนบ้านให้หมดหรือไม่
  3. ถ้าหากคุณไม่อยู่ ก็อยากให้บ้านอยู่กับครอบครัวของคุณต่อไป

จากคำถาม 3 ข้อข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ถ้าคุณมีชีวิตอยู่ คุณก็ผ่อนบ้านตามปกติ แต่ถ้าโชคร้ายคุณไม่อยู่ คุณก็ไม่ต้องการให้ธนาคารยึดทรัพย์สมบัติไป อีกเหตุผลสำคัญที่ลูกค้าตัดสินใจ คือ เพราะลูกค้าต้องการรักษาทรัพย์สมบัติที่เขาสร้างไว้ ให้อยู่กับครอบครัวตลอดไป

 

ไม่ชอบซื้อประกันชีวิต ชอบซื้อสวัสดิการดี ๆ

ทุกวันนี้ ใคร ๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าค่ารักษาพยาบาลแพงมาก ๆ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขามีโอกาสป่วยโรคภัยไข้เจ็บแปลก ๆ เกิดขึ้นได้ทุกวัน ข้อดีของอาชีพรับราชการ คือ หากเจ็บป่วยขึ้นมา จะได้รับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล แต่ไม่สามารถเลือกชนิดของยา เลือกการให้บริการทางการแพทย์ เลือกเตียงห้องพัก เลือกให้มีพยาบาลเฝ้าไข้ ฯลฯ

“คุณคิดว่าข้าราชการตัดสินใจรักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐ หรือเพราะเลือกสวัสดิการไม่ได้ ?”

ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่า ถ้ามีการอนุญาตให้รักษาที่ไหนก็ได้ ข้าราชการส่วนใหญ่คงอยากไปใช้บริการดี ๆ เลือกเตียงห้องพักเองที่โรงพยาบาลเอกชน

 

บทสรุป ประกันชีวิต

ตัวแทนประกันชีวิต หรือนักขายประกันชีวิตที่เก่ง ๆ จะให้คำปรึกษากับลูกค้าในแนวทางการวางแผนทางการเงิน เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์จากการซื้อประกันชีวิต ตามวัตถุประสงค์ของลูกค้าเอง ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อประกัน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Insurefordream.com.(2014).เหตุผลสำคัญที่ลูกค้าตัดสินใจ ซื้อประกัน.24 ธันวาคม 2558.
แหล่งที่มา: http://www.insurefordream.com
ภาพประกอบจาก: www.reunionfamily.com

 


.jpg

หลายคนอาจมีอาการป่วยแต่กลับไปโรงพยาบาลโดยไม่ใช้ประกันสุขภาพที่ตนเองมี เพราะใช้ไม่เป็น วันนี้เราจะมาบอกถึง วิธีการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพเมื่อเจ็บป่วย ให้ทุกคนได้ปรับใช้กันค่ะ

 

วิธีการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพเมื่อเจ็บป่วย

  • เจ็บป่วยทั่วไป
  • เจ็บป่วยฉุกเฉิน
  • กรณีอุบัติเหตุ
  • การส่งต่อเพื่อการรักษาต่อเนื่อง

 

การเจ็บป่วยทั่วไป

  1. เข้ารับการรักษาพยาบาลที่หน่วยบริการปฐมภูมิก่อนทุกครั้ง
  2. แจ้งความจำนงขอใช้สิทธิพร้อมแสดงหลักฐานประกอบ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาใบสูติบัตร)

หมายเหตุ: ปัจจุบันมีนโยบายใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว ทั้งนี้ ควรเข้ารับบริการในวัน เวลาราชการ หรือเวลาที่หน่วยบริการกำหนดไว้

 

เจ็บป่วยฉุกเฉิน

การวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยฉุกเฉิน แพทย์จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ ดังนี้

  1. โรค หรืออาการของโรคที่มีลักษณะรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายต่อผู้อื่น
  2. โรค หรืออาการของโรคที่มีลักษณะรุนแรง ต้องรักษาเป็นการเร่งด่วน
  3. โรคที่ต้องผ่าตัดด่วน หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต
  4. โรค หรือลักษณะอาการของโรคที่คณะกรรมการกำหนด

ทั้งนี้ แพทย์จะพิจารณาจากความดันโลหิต ชีพจร อาการของโรค การวินิจฉัยโรค แนวทางการรักษาและความเร่งด่วน ในการรักษารวมทั้งคำนึงถึงการรับรู้ของผู้รับบริการที่มีต่อการป่วยด้วย

แนวทางการใช้สิทธิ คือ

1. เข้ารับการรักษากับหน่วยบริการของรัฐ หรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการที่อยู่ใกล้ที่สุด

2. แจ้งความจำนงขอใช้สิทธิพร้อมแสดงหลักฐานประกอบ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาใบสูติบัตร)

กรณีฉุกเฉิน

สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการอื่นที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นอกเหนือหน่วยบริการประจำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ปัจจุบัน มีนโยบายใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า

 

ผู้มีสิทธิสามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่หน่วยบริการอื่นนอกเหนือหน่วยประจำครอบครัว ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

กรณีได้ประสบอุบัติเหตุทั่วไป

  1. ควรเข้ารับการรักษายังหน่วยบริการของรัฐ หรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ และอยู่ใกล้ที่สุด
  2. แจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิพร้อมแสดงเอกสารประกอบ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาใบสูติบัตร)
  3. กรณีประสบภัยจากรถ

ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ ต่อเนื่องจากค่าเสียหายเบื้องต้นที่กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถหรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้จ่าย โดย

  1. เข้ารับการรักษายังหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ
    • แจ้งใช้สิทธิพร้อมหลักฐานประกอบ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นใดที่ทางราชการออกให้และมีรูปถ่าย (หากเป็นเด็กใช้สูติบัตร) สำเนา พ.ร.บ.รถที่ประสบภัย
    • หากมีความเสียหายเกินค่าเสียหายเบื้องต้น ให้ผู้ป่วยสำรองจ่ายแล้วไปรับคืนจากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี (กรณีได้ข้อยุติว่ารถคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด)
  2. เข้ารับการรักษายังหน่วยบริการที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
    • แจ้งใช้สิทธิพร้อมหลักฐานประกอบได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาใบสูติบัตร (ใบเกิด)) สำเนา พ.ร.บ.รถที่ประสบภัย
    • ติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อประสานหาเตียงรองรับ ในการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพต่อเนื่อง
    • หากมีความเสียหายเกินค่าเสียหายเบื้องต้น ให้ผู้ป่วยสำรองจ่ายแล้วไปรับคืนจากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี (กรณีได้ข้อยุติว่ารถของคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด)

หมายเหตุ: ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ไม่ได้กำหนดให้โรงพยาบาลเรียกเก็บแทนผู้ประสบภัย

 

การส่งต่อเพื่อการรักษาต่อเนื่อง

  1. เข้ารับการรักษา ณ หน่วยบริการตามสิทธิหลักประกันสุขภาพ
  2. แจ้งความจำนงเพื่อขอใช้สิทธิทุกครั้ง พร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาสูติบัตร)
  3. หากการรักษาพยาบาลครั้งนั้นเกินศักยภาพของหน่วยบริการปฐมภูมิ หน่วยบริการปฐมภูมิจะพิจารณาส่งต่อไปยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพที่สูงกว่าตามภาวะความจำเป็นของโรค

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ.(2010).วิธีการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพเมื่อเจ็บป่วย. 6 มิถุนายน 2558.
แหล่งที่มา: https://www.nhso.go.th/FrontEnd/page-forpeople_useuc.aspx
ภาพประกอบจาก: www.dansai-hac.blogspot.com

 


insurance.jpg

เมื่อเราเริ่มจะคิดถึงสุขภาพของตนเอง แน่นอนว่าการทำประกันสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นหลักประกันที่จะทำให้เราไม่ต้องคอยมานั่งกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจจะทำให้เงินเก็บของคุณหมด

 

1. ศึกษาค่าใช้จ่ายในการรักษาของโรงพยาบาลให้ดี

เมื่อเราเลือกทำประกันสุขภาพ สิ่งสำคัญก็คือ ต้องศึกษาค่ารักษาและค่าบริการของโรงพยาบาลที่เราจะใช้บริการนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่เราจะได้เลือกซื้อแพคเกจของประกันสุขภาพได้อย่างเหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป โดยค่าใช้จ่ายและค่ารักษาหลัก ๆ ที่เราควรพิจารณา คือ ค่าใช้จ่ายจำพวก ค่าห้อง ค่ายา ค่ารักษาและค่าผ่าตัดกรณีเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจหาได้จากเว็บไซต์ของโรงพยาบาล หรือโทรเข้าไปสอบถามที่โรงพยาบาลก็ได้ครับ

 

2. ควรเลือกทำประกันสุขภาพในลักษณะของวงเงินเหมาจ่าย

การทำประกันสุขภาพ ในวงเงินเหมาจ่ายนั้นจะครอบคลุมค่ารักษากรณีเจ็บป่วยร้ายแรง หรือต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งจะทำให้คุ้มกว่าการทำประกันสุขภาพที่แยกประเภทค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะประกันสุขภาพแบบแยกประเภทจะมีวงเงินค่ารักษาที่น้อยกว่า ในกรณีการผ่าตัด หรือรักษาโรคร้ายแรง เพราะเป็นกรณีที่มีค่ารักษาแพงที่สุด เช่น วงเงินค่ารักษากรณีผ่าตัดของแบบแยกประเภทอาจจะอยู่ที่ 100,000 บาท แต่ขณะที่แบบเหมาะจ่ายจะเหมารวมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง (ยกเว้นค่าห้อง) อยู่ที่ 1 ล้านบาทเลย ทำให้ครอบคลุมความเสี่ยงมากกว่า

 

3. เลือกทำประกันสุขภาพที่ให้ครอบคลุมทุกความเสี่ยง

บางคนเลือกทำประกันสุขภาพเฉพาะค่ารักษาพยาบาล ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมด เพราะยังมีกรณีสำคัญที่เราควรจะต้องวางแผนไว้ล่วงหน้า คือ กรณีที่เราอาจจะประสบภาวะเป็นผู้ “ทุพพลภาพ” (ไม่สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตได้ปกติ) ไม่ว่าจะเกิดจากโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดในสมองแตก หรือจากอุบัติเหตุ แขนขาด ขาขาด พิกลพิการ มันจึงเกิดประเด็นว่า ถึงแม้ประกันสุขภาพอาจจะจ่ายค่ารักษาให้เราได้หมด แต่หลังจากนั้น เราอาจจะใช้ชีวิตต่อไปโดยทำงานไม่ได้ ไม่มีรายได้ หรือรายได้ลดลงกว่าเดิม ขณะที่เรายังมีชีวิต ยังต้องกินต้องใช้ เราจึงต้องการ “เงินชดเชย” ก้อนโต เพื่อนำมาเลี้ยงชีวิตตลอดระยะเวลาที่เหลือ มันจึงเป็นสาเหตุที่เราควรจะต้องทำประกันสุขภาพกรณีโรคร้ายแรง และประกันสุขภาพที่ครอบคลุมเรื่องการเจ็บป่วยที่เกิดจากอุบัติเหตุด้วย

ดังนั้น อย่าลืมว่าหากจะเลือกซื้อประกันสุขภาพแล้ว เราจึงควรซื้อประกันเรื่องค่ารักษาพยาบาล โรคร้ายแรง และอุบัติเหตุ ให้ครบทั้ง 3 ประเภท (ส่วนรายละเอียดของแต่ละประเภทก็ให้พิจารณาเองตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องซื้อให้ครบทุกแบบที่บริษัทประกันมีก็ได้ครับ) จึงจะปิดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยได้อย่างครอบคลุมที่สุด

อย่าลืมเปรียบเทียบเบี้ยประกันแต่ละบริษัท เลือกบริษัทที่ให้การคุ้มครองไม่แตกต่างจากบริษัทอื่นมากนัก แต่เบี้ยประกันถูกกว่า ในขั้นสุดท้ายเราก็แค่นำเงื่อนไขของประกันสุขภาพของบริษัทประกันแต่ละที่มาเปรียบเทียบกัน แล้วเลือกบริษัทที่คิดเบี้ยประกันที่ถูกกว่า หรือเบี้ยประกันพอๆกัน แต่มีวงเงินคุ้มครองที่สูงกว่า นั่นคือประกันสุขภาพที่คุ้มค่ากับเราที่สุด

ส่วนหลักการในการเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุ ก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับ ประกันสุขภาพ ดูว่าแพคเกจประกันอุบัติเหตุ (PA : Personal Accident) นั้น ชดเชยครอบคลุมกรณีใดบ้าง (เช่น เสียชีวิต ทุพพลภาพ พิการ กระดูกหัก กรณีถูกลอบทำร้าย กรณีเกิดอุบัติเหตุในวันหยุดนักขัตฤกษ์ กรณีเกิดจากการจลาจล ฯลฯ) ก็ควรจะเลือกแพคเกจให้คุ้มครองหลาย ๆ กรณี โดยที่เบี้ยที่จ่าย แนะนำว่าไม่ควรเกิน 5% ของรายได้รวมทั้งปี ก็พอครับ เนื่องจากประกันอุบัติเหตุก็เปรียบเสมือนประกันสุขภาพแบบย่อม ๆ ที่คุ้มครองเฉพาะกรณีเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่คุ้มครองกรณีเป็นโรค และค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ จึงเหมาะกับการคุ้มครองเบื้องต้นที่อาจจะไม่ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมด สำหรับคนที่มีรายได้ไม่สูงมาก แต่ต้องการเริ่มปกป้องความเสี่ยงบ้าง แต่สำหรับคนที่มีรายได้พอสมควรแล้ว ผมแนะนำว่าให้ทำประกันสุขภาพอย่างครอบคลุมเลยจะเหมาะสมกว่า

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: https://aommoney.com
ภาพประกอบจาก:  www.policymantraa.com

 


-Fax-claim-1.jpg

Fax claim คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรบ้างกับการประกันเพื่อสุขภาพในโรงพยาบาล ไปร่วมศึกษาและรู้จักกับบริการใหม่ ๆ ที่จะทำให้ทุกคนสะดวกสบายยิ่งขึ้น

 

Fax claim คืออะไร

  • Fax claim เป็นบริการที่บริษัทประกันเปิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้เอาประกันในการจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาล โดยผ่านโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ

 

มีบริการ Fax claim ดีอย่างไร

  • ลดความกังวลของผู้ป่วยในการสำรองจ่ายค่ารักษา สนับสนุนให้ผู้ป่วยตัดสินใจ เข้ารับการรักษาง่ายขึ้น
  • โรงพยาบาลจะมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้น จากการส่งต่อข้อมูลของ บ.คู่สัญญา
  • การมีบริการ fax claim ย่อมหมายถึง โรงพยาบาลเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจ ในการให้เครดิต 

 

ทำอย่างไร จึงจะมีบริการ Fax claim

  • โรงพยาบาลที่ต้องการมีบริการ Fax claim จะต้องประสานงานไปยัง บ.ประกัน เพื่อขอให้มีการพิจารณาเปิดคู่สัญญา โดย บ. ประกันจะพิจารณาจากความมั่นคง และความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลเป็นสำคัญ
  • ทั้งนี้เงื่อนไขสัญญาจะมีการกำหนดวันหมดอายุของสัญญา และจะมีการพิจารณาต่ออายุสัญญาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณา การปฏิบัติตามเงื่อนไขในรอบอายุของสัญญาที่ผ่านมา

 

เงื่อนไขการให้บริการ fax claim

  • การให้การรักษาที่อยู่ภายในเงื่อนไขความคุ้มครอง
  • เอกสารประกอบการใช้สิทธิ์ครบ
  • ส่ง fax 1 ให้บ. รับทราบ เพื่อเปิดบัญชีเคลม ในวันแรกของการรับนอน
  • บันทึกการวินิจฉัย การให้การรักษา และรายละเอียดการทำหัตถการ ที่เป็นจริง ครบถ้วน และ ชัดเจน
  • แยกรายการค่ารักษา ถูกต้องตามหมวดมาตรฐาน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: urnurse.(2010).มาทำความรู้จักกับ Fax claim.18 สิงหาคม 2557.
แหล่งที่มา: www.urnurse.net
ภาพประกอบจาก: www.transworldservices.co.uk

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก