ฟ้าทะลายโจร ใช้รักษาโรคอะไร
ฟ้าทะลายโจร หรือที่เรียกอีกอื่น ๆ ว่า น้ำลายพังพอน หญ้ากันงู ฟ้าสาง ฟ้าสะท้าน เขยตายยายคลุม สามสิบดี หรือเมฆทะลาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata วงศ์ ACANTHACEAE ประโยชน์ทางยาในการรักษาโรคนั้น เนื่องจากเป็นยาที่มีรสขมเย็น จึงมีสรรพคุณทางยาไทย คือ แก้ไข้ ช่วยขับเสมหะหลังการผ่าตัดทอนซิลอักเสบ แก้บิด แก้ท้องเสีย แก้ฝี แก้แผลบวมอักเสบ และใช้เป็นยาบำรุง ส่วนที่นำมาใช้ทำยา คือ ส่วนของใบและต้น และช่วงเวลาที่เก็บมาใช้เป็นยานั้น ต้องเก็บใบและลำต้นเหนือดิน ในช่วงที่เริ่มมีดอกซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แล้วนำมาล้างให้สะอาดและเก็บใบไว้ในที่แห้ง และการเก็บรักษาฟ้าทะลายโจรไม่ควรเก็บนานเกิน 1 ปี เพราะสารสำคัญต่าง ๆ จะหายไป
นอกจากนั้น เพื่อยืนยันสรรพคุณยาไทย ได้มีการทดลองทางห้องปฏิบัติการแล้ว และพบว่ามีสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของฟ้าทะลายโจร คือ กลุ่มแลคโตน ได้แก่ แอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) และอนุพันธ์ เมื่อนำสารสกัดแอลกอฮอล์จากใบไปทดลองในสัตว์ทดลอง พบว่า สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง ฝี และเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ที่ทำให้ท้องเสียได้ พร้อมทั้งมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้เล็กในสัตว์ทดลองได้อีกด้วย
และเมื่อนำสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรมาศึกษาทางคลินิก (ในคน) ผลการศึกษาสามารถรักษาอาการหวัด เช่น อาการอ่อนเพลีย หนาวสั่น เจ็บคอ ทอนซิลอักเสบ และปวดกล้ามเนื้อให้ลดลงได้ และเมื่อนำไปรักษาผู้ป่วยอาการท้องเสียเทียบกับยาแผนปัจจุบัน (เตตราไซคลีน) พบว่า ให้ผลการรักษาดีกว่า แต่ในกลุ่มผู้ป่วยอหิวาตกโรค พบว่า อาการไม่ดีกว่าการใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวก็เป็นที่ยืนยันได้แล้วว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาโรคหวัดและอาการท้องเสียได้จริง
ขนาดและวิธีใช้ยาฟ้าทะลายโจรเป็นยานั้นมี 3 รูปแบบ คือ
- นำใบฟ้าทะลายโจรสด 1 – 3 กำมือ ต้มกับน้ำ 10 – 15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละครั้ง
- ใช้ใบแห้งบดเป็นผงให้ละเอียด ปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8 เซนติเมตร ผึ่งลมให้แห้งเก็บไว้ในขวดแห้งและมิดชิด รับประทานครั้งละ 3 – 6 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
- ในส่วนของยาฟ้าทะลายโจร (500 มก.) ทานครั้งละ 2 – 4 แคปซูล วันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน
ข้อควรระวัง ผู้ที่ทานยาฟ้าทะลายโจรแล้วเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย เวียนศีรษะ ปวดเอว แสดงว่าแพ้ยา ให้หยุดยาทันทีแล้วเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น
ภาพประกอบจาก: www.lovepik.com