Run for New Life
ดูวิดีโอสัมภาษณ์ “คลิก”
แนะนำตัว
ผศ. รัชด ชมภูนิช หรืออาจารย์แป๋งครับ ปัจจุบันอายุ 51 ปี ทำงานรักษาการรองอธิการบดี ฝ่ายพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์และสื่อสารองค์กร และรักษาการคณบดีคณะบริหารธุรกิจ ม.เกษตรศาสตร์ ครับ
สุขภาพก่อนหน้าที่จะลดน้ำหนักเป็นอย่างไร
ช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา น้ำหนักตัวผมเยอะพอสมควรครับ ประมาณ 115 กิโลกรัม ความดันโลหิต 100 – 160 หมอก็แจ้งเตือนมาว่าให้พยายามลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ตอนนั้นเริ่มมีอาการบางอย่างแล้ว เช่น มีอาการเวียนศีรษะ มีความดันขึ้นเป็นบางเวลา นอกจากนั้นก็มีภาวะในเรื่องของการนอนกรน นอนแล้วหยุดหายใจบ้างเป็นครั้งคราว ตอนนั้นยอมรับว่ายังไม่ได้สนใจเรื่องสุขภาพเท่าไร เพราะเราดำเนินกิจวัตรประจำวันได้เกือบปกติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเล่นกีฬาหรือกิจกรรมอื่น ๆ
จงเริ่มต้นวิ่ง จงเริ่มต้นออกกำลังกาย
ก่อนที่คุณจะไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไป”
แรงบันดาลใจในการหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง
เริ่มต้นจากความต้องการที่อยากจะลงแข่งขันวิ่งในระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตรให้ได้ ที่ผ่านมาวิ่งได้เต็มที่แค่ 5 กิโลเมตร ก็เรียกว่าเยอะมากแล้ว เพราะสรีระและน้ำหนักตัวเองยังเยอะอยู่ ประเด็นที่สอง เราต้องการที่จะลดน้ำหนักตัวลงอย่างจริงจัง เพราะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากอยู่ในสภาพอ้วนๆ ทำอะไรลำบาก ขยับตัวก็เหนื่อย ก่อนหน้านั้นมีผลการตรวจร่างกาย นอกเหนือจากความดัน มีคอเลสเตอรอลสูง ค่า LDL HDL ค่า Triglyceride ไม่ดีเลย ผมเลยคิดว่าเราควรเริ่มดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ประจวบเหมาะกับตอนนั้นมีเพื่อน ๆ ลงขันกันให้ผมลดน้ำหนัก ผมเลยบอกว่าเอาอย่างนี้แล้วกัน ผมทำโครงการสนุก ๆ ชื่อ “แป๋ง บอดี้ สลิม” ผมบอกเพื่อนๆ ที่เคยบอกจะให้เงิน 1,000 บาทต่อน้ำหนักตัวที่ลดลง 1 กิโลกรัม ว่าผมเอานะ โดยจะเอาเงินที่ได้ไปช่วยบริจาคให้โครงการกิจกรรมวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว” ของพี่ตูน ผมเลยรีบลดน้ำหนัก พอสิ้นสุดโครงการระยะเวลา 2 เดือน ผมสามารถลดน้ำหนักได้ 10 กิโลกรัม ก็ได้เงินช่วยพี่ตูนไป 290,000 บาท อันนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง ก็ต้องขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนมาด้วย
เลือกใช้วิธีใดในการลดน้ำหนัก
ต้องบอกก่อนว่าปกติผมเป็นคนเล่นกีฬาอยู่แล้ว มีกอล์ฟ มีฟิตเนส มีวิ่ง แต่ว่าไม่ได้ทำแบบต่อเนื่องเท่าไร อาหารก็ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญเท่าไร จนมาถึงจุดเปลี่ยนจากแรงบันดาลใจในข้อก่อนหน้า
ปัจจุบันผมทำอยู่ 2 เรื่องหลัก ๆ เรื่องแรกคือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio exercise) โดยการวิ่ง ตรงนี้ผมเน้นให้วิ่งหนักและต่อเนื่องในระดับหนึ่ง ไม่งั้นไม่เห็นผล การวิ่งควรวิ่งไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 4 วัน อย่างผมปัจจุบันวิ่งสัปดาห์ละ 5 วัน อาทิตย์ละ 40 กิโลเมตร เดือนละ 150 – 160 กิโลเมตร แล้วก็พักให้ร่างกายได้ฟื้นฟูประมาณสัก 2 – 3 วัน การลดน้ำหนักของเราจะมีประสิทธิภาพที่แท้จริง เพราะถ้าคุณวิ่งน้อยกว่านี้ ร่างกายจะยังไม่สามารถเผาผลาญไขมันหรือทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงร่างกายได้ตามที่เราต้องการ
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องของอาหาร ผมเปลี่ยนเมนูอาหารจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่ร่างกายยังต้องการพลังงานเพื่อใช้ในการวิ่งทุกวันอยู่ ผมเลยจำเป็นต้องมีอาหารที่ให้พลังงาน เริ่มต้นมื้อเช้าจะเป็นไก่ ไข่ ผัก กึ่ง ๆ สลัดนิดนึง มื้อกลางวันจะยังคงเป็นมื้อที่ผมกินแป้ง พวกข้าว ก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม แต่ลดพวกคาร์โบไฮเดรตลงเหลือครึ่งเดียว แต่สิ่งที่งดเว้นโดยสิ้นเชิงเลย คือ พวกของทอด ของมัน น้ำอัดลม และการปรุงแต่งในอาหาร ส่วนมื้อเย็นคือสลัดล้วนๆ เลยครับ
โดยรวมแล้ว ผมให้น้ำหนักกับการควบคุมอาหาร 70% และการออกกำลังกาย 30%
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการออกกำลังกายคือ…
ความต่อเนื่อง”
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ รูปร่างเล็กลง ผมลดน้ำหนักได้ 20 กิโลกรัมในช่วงเวลา 4 เดือน เป็นความภูมิใจและความสำเร็จครั้งสำคัญของชีวิต และตั้งเป้าไว้ที่ 78 – 79 กิโล ซึ่งผมก็ยังคงปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ประจวบเหมาะกับตอนนี้วัยก็เข้าสู่หลัก 5 แล้ว การดูแลสุขภาพของคนวัยนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
อุปสรรคในการลดน้ำหนัก
ผมว่าอุปสรรคสำคัญคือ “ครั้งแรก” ครั้งแรกของการทำอะไรก็ตาม มันลำบากทั้งนั้น แต่ถ้าถามถึงอุปสรรคสำคัญจริง ๆ ผมคิดว่าตัวเราเองสำคัญที่สุด ตัวเราเองที่จะมีข้ออ้าง มีข้อโต้แย้งที่จะไม่ทำในสิ่งที่ควรจะทำ แต่ตัวเราเองอีกเหมือนกัน ที่จะบอกว่า……ต้องทำ ผมก็จะมีวิธีจัดการกับความขี้เกียจของตัวเอง เวลาที่ผมตื่นมาตอนเช้า ผมจะตั้งพันธสัญญากับตัวเอง ว่าผมจะต้องวิ่ง แต่จะมีตัวผมเองที่จะงัวเงีย เมาขี้ตา ไม่อยากวิ่ง ผมก็พยายามไม่สนใจ ผมก็จะใส่รองเท้า ใส่ชุดแล้วก็เดินลงไปกดเครื่องวิ่งแล้วก็วิ่ง จนถึงระยะหรือเวลาที่ต้องการ
ยา 3 ตัวที่ช่วยให้การออกกำลังกาย
ประสบความสำเร็จ คือ วินัยเซตามอล
อดทนนิซิลิน และยาขมตราใบเหงื่อ”
เทคนิคในการออกกำลังกายให้ประสบความสำเร็จ
ผมรับประทานอยู่ 3 ตัวครับ ตัวแรกคือ “วินัยเซตามอล” ความมีวินัยเป็นเรื่องแรกและเรื่องที่สำคัญที่สุดที่จะลดน้ำหนักให้มีประสิทธิภาพ ตัวที่สองคือ “อดทนนิซิลิน” ความอดทนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทุกอย่างมันต้องใช้ความอดทนทั้งนั้น อดทนเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ มันต้องใช้ความอดทนอย่างแท้จริง ส่วนยาตัวที่สามคือ “ยาขมตราใบเหงื่อ” ผมเชื่อว่าคนที่ออกกำลังกาย นักวิ่งทุกคนก็ต้องเจอสภาวะแบบนี้ แต่ยาขมที่มันออกมาเป็นเหงื่อโทรมกายของเราทุกวันนี้มันกลับทำให้เรามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ผมคิดว่าเวลาที่เราออกกำลังกายมันจะมีช่วงเบื่อที่ทำอะไรซ้ำๆ ผมจะต้องหาวิธีการที่จะแก้ความเบื่อของตัวเอง เช่น ผมวิ่งบนเครื่องวิ่งที่คอนโด ผมรู้สึกว่าการตั้งเป้าหมายการวิ่งไว้ที่ 5 กิโลเมตรมันเริ่มทำให้ผมเบื่อ ผมก็ไปตั้งค่าเป็นนาทีแทน เวลาก็จะนับถอยหลังลงเรื่อยๆ เหมือนเป็นการหลอกสมอง ส่วนอีกวิธีนึงที่ผมใช้ตอนไปวิ่งในสวนรถไฟ ผมก็จะออกแบบเส้นทางการวิ่งของผมใหม่ เพื่อให้แต่ละรอบมีเส้นทางการวิ่งมากขึ้น ผมพยายามวิ่งซอกซอนไปยังจุดต่าง ๆ ภายในสวนรถไฟจนระยะเพิ่มจาก 2.5 กิโลเมตรเป็นประมาณเกือบ 4 กิโลเมตร ผมเป็นคนขี้เบื่อ ผมคิดว่าอะไรทั้งหลายทั้งปวงมันอยู่ที่เราคิด เราออกแบบ มันออกแบบได้
ถ้าคุณคิดจะทำ ทำเลย ไม่ต้องรอ
แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ทำ แสดงว่าสิ่งนั้น
มันยังไม่สำคัญพอสำหรับชีวิตคุณ”
ฝากข้อคิดสำหรับผู้ที่สนใจแนวทางเดียวกัน
นอกเหนือจากวิธีที่ผมได้ทำมาจนสำเร็จในเรื่องการลดน้ำหนักแล้ว ผมคิดว่าการตรวจสุขภาพประจำปีตามคอร์สที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นเรื่องที่สำคัญและมีความจำเป็น ยิ่งเราตรวจสุขภาพถี่และมากครั้งเท่าไหร่ เราก็มีโอกาสที่จะพบสิ่งที่เป็นปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้ สุขภาพของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วบางทีเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที