ความเครียด ทำให้เราแยกทาง
ตัวการทำลายความสัมพันธ์ มีไม่มากนักหรอกที่คนเราจะแยกทางกันเดินด้วยทะเลาะเบาะแว้งรุนแรงในประเด็นเรื่องการนอกใจเหมือนอย่างในหนังหรือในละครน้ำเน่า แต่สำหรับในโลกของความเป็นจริงแล้วประเด็นที่ทำให้คู่รักมากมายหลายคู่ต้องเลิกราหรือแยกทางกันมักจะเป็นด้วยเรื่องแค่ขี้ปะติ๋ว อะไรทำให้เป็นไปเช่นนั้น แล้วอะไรกันแน่ที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุข
ความเครียดทำให้เราแยกทาง
เรื่องของความรักไม่ใช่เพราะพรหมลิขิต แต่เป็นเพราะกลไกของฮอร์โมนในร่างกายต่างหากที่สั่งให้หัวใจมีความรัก ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครนำมาวิเคราะห์แยกแยะให้เราเข้าใจแจ่มแจ้งเห็นจริงนัก จนกระทั่งได้มาค้นพบข้อมูลทางวิชาการเพิ่มเติมว่า เจ้าสารเคมีในร่างกายหรือฮอร์โมนนั้นได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับจุดแตกหักของความรักด้วยหรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ความรักและความเป็นไปของความรักได้ถูกกำหนดไว้แล้วด้วยฮอร์โมน
จากความรู้และข้อมูลที่น่าประหลาดใจดังกล่าวได้จุดประกายให้นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย โอไฮโอ ศาสตาจารย์หญิง เจนิซ คีโคลตกลาเซอร์ เกิดความสนใจในเรื่องนี้ขึ้น แล้วเธอก็ได้ทำการสำรวจวิจัยจากอาสาสมัครซึ่งเป็นคู่สมรสหนุ่มสาวจำนวน 90 คู่ที่เพิ่งจะแต่งงานกันแน่นอนความสนใจที่จะศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มุ่งไปที่ความเครียดมีผลกระทบกับความสัมพันธ์ ดังนั้นจึงได้มีการวัดระดับความก้าวหน้าในระหว่างที่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันและวัดความเข้มข้นของฮอร์โมนความเครียดหรือคอร์ติซอลในเลือดด้วย หลังจากนั้นอีกสิบปีต่อมานักจิตวิทยาผู้นี้ก็สอบถามไปยังคู่สมรสอาสาสมัครกลุ่มดังกล่าวอีกอีกเกี่ยวกับสถานภาพความสัมพันธ์ของพวกเขาซึ่งผลที่ได้รับปรากฏว่า คู่สมรสส่วนใหญ่อยู่ในระหว่างแยกกันอยู่ หรือไม่ก็หย่าขาดจากกันไปแล้วและเมื่อได้ทำการตรวจวัดสภาพร่างกายของพวกเขาเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับเมื่อสิบปีก่อนก็พบว่ามีความก้าวร้าวสูงและมีการหลั่งคอร์ติซอลที่เข้มข้นมากขึ้นด้วย
ความเครียดจากฮอร์โมน
ซื่อสัตย์ตลอดไป หรือไม่นานก็แยกทางกัน ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากฮอร์โมนงั้นสิ ถ้าเช่นนั้นคำถามเกี่ยวกับตอนจบที่จะถามว่าได้อยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุขตลอดไปหรือไม่ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบแบบดื้อๆ และไม่โรแมนติกเลยอย่างไรก็ดีคนเรายังสามารถจะกำหนดความรักของเราเองได้เพราะฮอร์โมนความเครียดจะไม่มีทางมากระตุ้นเราได้อย่างแน่นอน หากเราเรียนรู้ที่จะควบคุมสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้อย่างเด็ดขาด และแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกจุด เพียงเท่านี้เจ้าความเครียดเจ้าเล่ห์ก็ไม่สามารถจะเล่นงานเรา และเราก็สามารถรักษาความรักของเราเอาไว้ให้มั่นคงได้
ความเครียดในสองรูปแบบ ศาสตาจารย์กาย โบเดนมันน์ แห่งสถาบันวิจัยครอบครัวในเมืองฟรีบอร์กชไวซ์ ได้แบ่งแยกความเครียดเป็นสองรูปแบบ ดังนี้
- ภาระหน้าที่ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก
- ปัญหาซึ่งเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง
เมื่อก่อนเราอาจเคยคิดว่ามือที่สามเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนหลายคู่ต้องพังทลายลง แต่จากงานวิจัยของโบเดนมันน์ทำให้เรารู้ว่าความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้อย่างแท้จริงนั้นเป็นผลมาจากความสนใจที่แตกต่างกันของคนสองคน เช่น การทะเลาะกันเกี่ยวกับการใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาอยากจะใช้เวลาในวันหยุดด้วยการออกไปเที่ยวตามประสาผู้ชายกับเพื่อนๆ ในขณะที่เธออยากจะให้เขาอยู่บ้านและช่วยกันทำสวนปลูกต้นไม้ หรือทำกับข้าวกิน เรื่องขัดใจเล็กๆน้อยๆ อย่างนี้ บางทีเราอาจไม่ทันได้คิดว่าสามารถขยายกลายเป็นเรื่องขัดแย้งที่รุนแรงต่อไปได้
ส่วนพฤติกรรมที่ผิดปกติ หรือการนอกใจที่ทำให้เห็นตำตา อย่างที่ในหนังในละครมักจะเอามาแสดงให้ดูว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการแยกทางนั้น สำหรับในชีวิตรักจริงๆแล้ว สาเหตุดังกล่าวเราพบเจออยู่น้อยมาก ขณะที่เรื่องขัดใจเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ในใจกลับเป็นตัวปัญหาใหญ่ที่ทำลายความสุขไม่ว่าจะเป็นการไปเยี่ยมพ่อแม่ของอีกฝ่ายหนึ่ง เรื่องบัญชีเงินฝากในธนาคาร เรื่องล้างจาน หรือเรื่องสัพเพเหระต่างๆซึ่งพอเก็บรวบรวมเอาไว้ในใจมากๆ เข้าในที่สุดก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างหนักได้ไม่มีการปลอบโยนกัน
ปัญหาของคนยุคนี้หากนำไปเปรียบเทียบกับของคนยุคก่อนอาจฟังดูค่อนข้างตลก แต่โบเดนมันน์ก็อธิบายว่า เนื่องจากโฉมหน้าของความเครียดได้เปลี่ยนแปลงไปซึ่งมันยิ่งทำให้การใช้ชีวิตคู่ยิ่งยุ่งยากมากขึ้น ทุกวันนี้การดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานของคนเราสะดวกสบายขึ้น แต่กลับต้องไปทุ่มเทอย่างหนักเพื่อที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เช่น ต้องทำงานล่วงเวลา และต้องแข่งขันกันในด้านต่างๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำอย่างนั้นได้ส่งเสริมให้ความเครียดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามากัดแทะทั้งร่างกายและจิตใจของเราให้แย่ลงไปเรื่อยๆ
ระเบิดเวลาทางอารมณ์ เพื่อจะทำให้ระเบิดเวลาลูกนี้สงบลง ได้มีการเปิดสอนวิธีบริหารจัดการกับความเครียดสำหรับคู่รักขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้วิธีการสื่อความเข้าใจกันทั้งๆที่ยังทะเลาะกันอยู่ ช่วยให้รู้จักปล่อยวางและให้อภัยแก่กัน นอกจากนี้ยังช่วยให้เรารู้จักดูแลและถนอมน้ำใจของคนที่เรารักด้วย การเรียนการสอนนี้จะไม่เพียงแค่ให้คุณมานั่งพูดคุยปรับทุกข์กันเท่านั้น แต่เราจะมีข้อแนะนำดีๆ ที่เป็นประโยชน์ให้แก่คุณด้วย
กว่าเมฆดำพัดผ่านพ้นไป เราอาจจำเป็นต้องรอ ค่อยๆเข้าไปปรับความเข้าใจกันทีละนิด เพื่อที่จะหยั่งให้ถึงในสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังคิดแต่ไม่ยอมพูดออกมาซึ่งนั้นก็เป็นลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขาอย่างไรก็ตามความเครียดก็มักจะทำให้คนเราแสดงความเห็นแต่ตัวออกไป แต่วิธีแก้ไขที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นก็คือกลับมาใส่ใจกันและกันอย่างเคย สิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งศาสตรจารย์คนดังกล่าวให้ข้อแนะนำมาก็คืออย่าปล่อยให้ความรู้สึกติดลบต่ออีกฝ่ายค้างคาใจอยู่โดยไม่ยอมสอบถามเพื่อปรับความเข้าใจกัน เพราะนั่นจะทำให้เกิดรอยร้าวภายในที่ไม่มองเห็นได้จากภายนอกและเมื่อมีรอยร้าวเกิดขึ้นมามากพอ สักวันหนึ่งมันก็พร้อมที่จะแตกสลายลงได้อย่างง่ายดาย ทางที่ดีจึงควรจะมีการพูดคุยกันอย่างเปิดอก ปลดปล่อยให้แต่ละฝ่ายได้เป็นตัวของตัวเองบ้าง เมื่อสามารถรักและเข้าใจกันได้ถึงขนาดนี้ไม่ว่าจะเป็นวันดี วันร้าย หรือวันไหนๆระดับของคอร์ติซอลฮอร์โมนก็จะยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Lisawellfit ลิซ่าเวลฟิต.(2004). พลังความงามของสาวสุขภาพดี. 22 สิงหาคม 2559.
แหล่งที่มา : http://www.never-age.com
ภาพประกอบจาก : www.never-age.com