เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น เป็นวัคซีนเฉพาะที่ไม่ได้ฉีดให้คนไทยโดยทั่วไป แต่เป็นวัคซีนที่สำคัญสำหรับบางกลุ่ม เช่น กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่จะไปเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือบางประเทศในยุโรป กลุ่มผู้แสวงบุญที่จะไปประเทศซาอุดิอาระเบีย หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังประเทศในแถบแอฟริกาบางประเทศ
ข้อมูลโรคไข้กาฬหลังแอ่น
- โรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นโรคร้ายแรงโรคหนึ่งที่พบได้ทั่วโลก เชื้อก่อโรค คือ เชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Neisseria meningitidis ทำให้เกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) หรือเกิดการแพร่กระจายลุกลามในกระแสโลหิต (Meningococcemia) และทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- โรคนี้ติดต่อทางละอองฝอยจากน้ำมูก น้ำลาย หรือจากสารคัดหลั่งต่าง ๆ จากการสัมผัสใกล้ชิด แต่ผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าไปส่วนใหญ่ไม่มีอาการ บางรายจะเป็นพาหะ มีน้อยรายมากที่เชื้อจะลุกลามไปที่เยื่อหุ้มสมอง หรือกระแสโลหิต ในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคนี้ประปราย ไม่พบการระบาดใหญ่ จากสถิติย้อนหลังพบว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในประเทศไทย ปีละไม่เกิน 10 คน
- โรคนี้จะติดต่อได้ง่ายจากการสัมผัสใกล้ชิด หรือคลุกคลีอยู่กันคนหมู่มาก อยู่รวม ๆ กัน เช่น นักเรียนนักศึกษาในหอพัก กลุ่มผู้แสวงบุญ หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวนักเดินทางที่เข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาด ดังนั้น จึงมีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนนี้ในประชากรกลุ่มดังกล่าว
- วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นที่มีใช้ในประเทศไทย สามารถป้องกันโรคได้ 4 สายพันธุ์คือ A, C, Y, W-135 แต่ในประเทศไทยสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด คือ สายพันธุ์ B ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน ดังนั้น จึงยังไม่มีคำแนะนำให้การฉีดวัคซีนในคนไทยโดยทั่วไปในการป้องกันโรคนี้
ผู้ที่ควรได้รับวัคซีนนี้ มี 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- นักเรียนนักศึกษาที่จะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา หรือบางประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนนักศึกษาที่จะเข้าไปพักในหอพัก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการระบาดของโรคนี้ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ทำให้ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีข้อกำหนดเลยว่า นักเรียนนักศึกษาที่จะเข้าไปเรียนจะต้องได้รับวัคซีนดังกล่าวก่อนเข้าไป และจะต้องยื่นเอกสารว่าได้รับการฉีดวัคซีนนี้ด้วย นอกจากวัคซีนชนิดนี้แล้ว ในแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีข้อกำหนดเรื่องสุขภาพแตกต่างกัน เช่น ในบางมหาวิทยาลัยกำหนดว่าจะต้องได้รับวัคซีนหัด–หัดเยอรมัน-คางทูม ด้วย หรือจะต้องทำการตรวจวัณโรคก่อนไป ฯลฯ แต่ในบางมหาวิทยาลัยอาจจะไม่ได้บังคับไว้ ดังนั้น สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการมาตรวจสุขภาพ หรือมาฉีดวัคซีนก่อนไปเรียน ควรนำใบข้อกำหนดต่าง ๆ จากมหาวิทยาลัยมาให้แพทย์ดูด้วย จะได้พิจารณาเรื่องการตรวจต่าง ๆ และเรื่องวัคซีนไปในคราวเดียวกัน
- กลุ่มผู้แสวงบุญในพิธีฮัจจ์ และอุมเราะห์ เป็นข้อกำหนดของทางการประเทศซาอุดิอาระเบีย ว่าก่อนเข้าร่วมพิธีดังกล่าวจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่น โดยจะต้องยื่นหลักฐานว่าเคยได้รับวัคซีนนี้แล้ว เพื่อใช้ในการขอ visa เข้าประเทศ โดยจะต้องฉีดล่วงหน้าก่อนเดินทางไปอย่างน้อย 10 วัน แต่ไม่เกิน 3 ปี
- กลุ่มนักท่องเที่ยว/นักเดินทางที่จะไปในประเทศในเขต Meningitis belt ในแอฟริกา ตั้งแต่ประเทศแกมเบีย บูร์กินาฟาโซ เซเนกัล กีนี ไล่ไปทางตะวันออกจนถึงประเทศเอธิโอเปีย หรือเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องเข้าไปคลุกคลีกับคนพื้นที่มาก ๆ หากศึกษาเพิ่มเติมได้จากแผนที่ Meningitis belt จาก US CDC จะเห็นว่าประเทศในแถบนี้เคยมีการระบาดของโรคที่รุนแรง และมีอัตราการเกิดโรคสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ดังนั้น ผู้ที่จะเข้าไปท่องเที่ยว หรือทำงานในประเทศดังกล่าว ควรได้รับวัคซีนก่อนเดินทาง
วัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่นที่มีใช้ในประเทศไทย เป็นชนิด tetravalent meningococcal polysaccharide vaccine มีชื่อการค้าว่า Menomune สามารถป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ คือ A, C, Y, W-135 ฉีดได้ในผู้ใหญ่ และเด็กอายุมากกว่า 2 ปี ภูมิคุ้มกันจะขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 7 – 10 วัน และฉีด 1 ครั้งภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้ 3 – 5 ปี
เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ไม่ได้ฉีดให้คนไทยโดยทั่วไป จึงอาจหาได้ยาก และไม่มีในโรงพยาบาลทั่วไป ผู้ที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนสามารถติดต่อได้ที่คลินิกเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทาง โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน สถานเสาวภา สภากาชาดไทย สถาบันบำราศนราดูร กระทรวงสาธารณสุข
ข้อมูลจาก: thaitravelclinic.(2009).เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น. 14 กันยายน 2558.
แหล่งที่มา: www.thaitravelclinic.com
ภาพประกอบจาก: www.scitechdaily.com