ลดน้ำหนัก สูตรกินพืช ผัก ผลไม้ แบบ…เต็มเหนี่ยว
ดูวิดีโอสัมภาษณ์ “คลิก”
แนะนำตัวด้วยค่ะ
ชื่อ รังสรรค์ ไพศาลเสถียรวงศ์ ครับ อายุ 51 ปี
ตอนนี้มีกิจการหลัก 2 – 3 อย่าง คือ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ เป็นกู้ชีพของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และเป็นพิธีกรสอนการช่วยชีวิตฉุกเฉินโดยเฉพาะหัวใจวาย จมน้ำ ไฟดูด
ก่อนหน้านี้มีปัญหาสุขภาพเรื่องอะไรอยู่บ้าง
ยังไม่ถึงที่จะเป็นปัญหาสุขภาพ จริง ๆ ก็ดูแลตัวเองอยู่บ้าง แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราวัดความดันตัวบนอยู่ที่ 140 ลอยตัวเลย ไม่ลง นั่นหมายถึงเกินกว่านี้เป็นความดันสูง ด้วยงานที่ทำอยู่ เราก็รู้ว่าถ้าปล่อยไว้ ปลายทางของความดันสูง คือ หัวใจวาย เราก็เริ่มค้นหาวิธีแก้ปัญหา ดีกว่าจะรอที่ปลายทางอย่างเดียว
แรงบันดาลใจหลักที่ทำให้หันมาดูแลสุขภาพ คืออะไร
ชัดเจนเลยครับ เริ่มเสี่ยงที่จะเป็นความดันสูงแล้ว บวกกับงานที่เราทำเกี่ยวกับการช่วยชีวิตคน ต้องสอนทุกวันเรื่องปั๊มหัวใจ สอนให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ เราเห็นคนตายทุกวัน อยู่อย่างใกล้ชิดก็เลยเห็นปัญหาในรายละเอียดว่า โรคฉุกเฉินแบบนี้ มันแก้ปลายทางอย่างเดียวไม่ได้ แต่ละคนต้องค้นหาสาเหตุ แล้วแก้ไขที่ต้นเหตุของตัวเอง
เห็นสนใจวิธีการดูแลสุขภาพของคุณหมอสันต์ ใจยอดศิลป์ เล่าให้ฟังหน่อย
ต้องออกตัวก่อนว่า อาจารย์ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ท่านเป็นปรมาจารย์สอนการช่วยชีวิต โดยการทำ CPR ให้กับประชาชน ท่านเป็นหมอที่ร่วมออกแนวทางเวชปฏิบัติที่อเมริกาด้วย ด้วยลักษณะงานของเราก็ติดตามท่านอยู่ก่อนหน้าแล้ว พอตอนหลังท่านป่วย ความดัน 167 – 168 แล้วก็มีไขมันในเลือดสูง ท่านก็ดูแลตัวเองจนดีขึ้น กลับมาออกสื่อ ส่วนของผมยังไม่ป่วย แค่เกือบ ๆ แล้วกำลังหาข้อมูลมาดูแลตัวเอง ก็โชคดีมาได้ข้อมูลจากท่าน ทั้ง YouTube และ Blog ผมก็เลยเริ่มศึกษาและเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง ๆ จำได้ว่าช่วงเดือนกุมภา มีนา ปี 60 ที่ผ่านมานี้เอง ก่อนหน้านั้นผมก็ใช้วิธีของผมก่อน แต่ไม่สำเร็จ
เริ่มต้นดูแลสุขภาพ ด้วยวิธีอะไร
ต้องบอกก่อนว่า ผมเลือกที่จะไม่ไปโรงพยาบาลเพื่อหาหมอกินยานะ เพราะลึก ๆ ใจมันบอกว่าเราไม่น่าจะเป็นอะไร เพราะปกติผมไม่กินเหล้า ไม่ดูดบุหรี่ แถมยังเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ยังออกกำลังกายเป็นประจำ ด้วยการตีแบดอยู่สัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 2 – 3 ชั่วโมง
ตอนนั้นผมหนัก 80 กิโลกว่า พุงกลม ๆ หน่อย เลยเลือกที่จะลดน้ำหนักโดยเพิ่มการออกกำลังกายอีก 2 วัน รวมเป็น 3 วันต่อสัปดาห์ ผลที่ได้คือผมเหนื่อยง่ายมาก บางครั้งตีแบตไม่จบเซ็ต ก็ต้องขอเดินออก หายใจไม่ออก คือ เราไม่ไหวจริง ๆ เริ่มแน่นหน้าอก หน้ามืด ตาลาย ซึ่งเราก็วนอยู่กับการหาทางลดน้ำหนัก โดยเพิ่มการออกกำลังกาย แต่ออกไปก็แน่นหน้าอก เวียนหัว ไม่ไหว นั่งพัก ผมวนอยู่หลายเดือน
จนกระทั่งมาเจอข้อมูลจากอาจารย์สันต์ ที่ว่าบางโรค การรักษาด้วยการใช้ยากับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ผลไม่ต่างกัน ซึ่งผมเลือกแนวทางนี้อยู่แล้ว อาจารย์บอกคนที่ไม่กินเหล้า ไม่ดูดบุหรี่ แต่กิน “ไขมันทรานส์” สม่ำเสมอก็ป่วยได้ ผมเลยเริ่มจากเอา “ไขมันทรานส์” ออกจากชีวิตก่อน แล้วกินเฉพาะไขมันดี ที่เราพอจะกินได้ ตัวต่อมาคือ “น้ำตาล” พวกน้ำหวานน้ำขวดผมเลิกเลย ทำแค่สองอย่าง กินแต่ไขมันดีและเลิกกินน้ำหวาน โดยกินน้ำแค่ 3 อย่าง คือ “น้ำเปล่า ชา กาแฟ” ปรากฏว่าน้ำหนักผมเริ่มลดลงทันที เลยคิดว่าเส้นทางนี้น่าจะใช่
ต่อมาผมก็ดูว่าอาหารที่อาจารย์แนะนำให้กินคืออะไร คำตอบคือ กิน ผัก ผลไม้ ถั่ว แบบ…เต็มเหนี่ยว คือไม่ต้องกินยาแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะการกิน ผมก็ทำตามเลย ถึงขั้นไปเรียนกับอาจารย์เลยนะ เพราะมันเห็นผล ด้วยแนวทางนี้ ก็สำเร็จตามเป้าหมาย
เราก็วนอยู่กับการหาทางลดน้ำหนัก โดยเพิ่มการออกกำลังกาย ออกไปก็แน่นหน้าอก เวียนหัว ไม่ไหวนั่งพัก ผมวนอยู่หลายเดือน”
ผลที่ได้รับภายหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ความดันลดเหลือ 120 น้ำหนักลงมาเกือบ 10 กิโล เมื่อก่อนตีแบตไม่นานก็หอบ เดี๋ยวนี้เกมต่อเกมได้เลย เวลาเรากินพืชผักมากขึ้น เราแข็งแรงขึ้น เราจะรู้สึกมีชีวิตชีวา จริง ๆ แล้วฝรั่งเค้าเรียกอาหารพวกพืชผักว่า Power Food กินแล้วไม่เครียดมีชีวิตชีวาขึ้น สนามหญ้าหน้าบ้านจะเขียวขึ้น ต้นไม้สวยขึ้น โลกจะสดใสขึ้นเลย แค่ปรับอาหารเอง การออกกำลังกายสำหรับผมเกือบเท่าเดิม แค่สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีอุปสรรคอย่างไร เอาชนะอุปสรรคดังกล่าวอย่างไร
เนื้อสัตว์เป็นอะไรที่ยอมรับว่าอร่อย พอผมน้ำหนักลงมาได้เกือบ 10 กิโล ในเวลาประมาณ 3 เดือน ผมก็เริ่มท้อ เริ่มหิวเนื้อ อดไม่ได้กลับไปกิน ทันทีเลยครับ พอกินเนื้อสัตว์ น้ำหนักเริ่มขึ้น ผมก็เลยรู้ตัว และเริ่มต้นใหม่ คนคุมอาหารลงแดงทุกคน เพียงแต่คุณจะผ่านช่วงลงแดงไปได้ยังไง ผมคิดถึงอาหารอย่าง ขาหมู ลูกชิ้น แต่พอเรารู้ว่าเราจะเอายังไงกับสุขภาพ ก็ต้องเปลี่ยน วิธีการคือ กินได้แต่ต้องลดปริมาณให้เหลือน้อย มันมีงานวิจัยบอกว่า คนที่เล่นกล้ามทุกวันก็ยังกินเนื้อได้ประมาณ 0.6 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโล ก็เท่ากับประมาณ 1 – 2 ขีดต่อวัน สำหรับคนที่ไม่ป่วย แต่ถ้าเรายังกินเนื้อปริมาณมาก ๆ อย่างทุกวันนี้ ก็จะป่วย เราแค่ลดลงและขยันออกกำลังกาย ความสมดุลก็จะเกิดขึ้น ทุกวันนี้ผมสมดุลแล้ว ผมก็ไม่ได้กินแบบเป๊ะ ๆ ยังกินส้มตำ กินลาบหมูได้ 1 – 2 ช้อนให้หายอยาก แต่เลี่ยงน้ำมัน ครีม คุกกี้ เบเกอรี่
ทุกวันนี้ ผมแก้ความอยากด้วยการกินสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้น เพราะยิ่งกินน้ำหนักยิ่งลดลง และเวลาผมหิวก็กินเลยไม่รอให้โหย เป็นการลดน้ำหนักที่มีความสุข พอเราสนุกกับการกิน เราก็จะเพลิดเพลินกับมัน อย่างผลไม้พวกแอปเปิ้ล สับปะรด ฝรั่ง ผมก็กินกับกาแฟดำ ไม่ใส่อะไรเลย ตอนแรกมันขม แต่กาแฟหอม เป็นอโรม่าบำบัด แล้วพอเรากินไปมันขมติดที่ปาก เสร็จแล้วเอาของหวานที่เป็นผลไม้กินตามเข้าไป มันดับรสขม แล้วก็ทำให้เราเข้าใจรสผลไม้ละเอียดขึ้น เรามีความสุขกับการกินผลไม้ขึ้นไปอีก การกินผลไม้แกล้มกับกาแฟหอม ๆ มันสดชื่นมาก
ให้น้ำหนักความสำคัญอย่างไร ระหว่างการกินกับการออกกำลังกาย
สูตรที่เรียนกับอาจารย์สันต์มาคือ อาหารการกินเป็น 70% ของเรื่องพวกนี้ ออกกำลังกายอีก 20 % และสุดท้าย 10% คือเรื่องจิตใจ ให้มีสังคมมีเพื่อนอย่าปลีกวิเวก คุยกับเพื่อนแล้วผ่อนคลาย
สำหรับการออกกำลังกาย สำหรับผมไม่จำเป็นต้องเข้าฟิตเนส ไม่ต้องวิ่งมาราธอน ผมแบ่งเป็น 3 เรื่อง แอโรบิค เวทเทรนนิ่งสร้างกล้ามเนื้อ และการทรงตัว แค่นั่งตรง ๆ ตัวตรง ๆ ลุกนั่งฝึกกล้ามเนื้อขึ้นลงแนวดิ่ง ก็เป็นการออกำลังกายแล้ว
ฝากถึงคนที่ต้องการดูแลสุขภาพในแนวทางเดียวกัน
ผมอยากบอกว่า วันนี้โลกของข้อมูลเต็มไปหมด สิ่งที่อยากฝาก คือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เราเชื่อมั่นได้ แต่ต้องเป็นความรู้ที่ผ่านการวิจัย และทดลองที่วงการแพทย์ยอมรับ งานวิจัยหลายอย่างไม่ได้มาเร็ว มันต้องผ่านการติดตาม อย่าเอาความคิดทางวิทยาศาสตร์ไปทะเลาะกับหมอ เพราะมันไม่มีประโยชน์ ยังไงหมอก็รอเราเวลาเราป่วย
การปฏิบัติตนมันเป็นสิทธิ์ของเราที่จะเลือกเชื่อ ในสิ่งที่ควรจะเป็น เหมือนที่พระพุทธเจ้าสอนว่า ให้เราเชื่อในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล ต้องทดลองค้นหาด้วยตัวเอง อย่ามัวแต่เชื่อตามตำราหรือคนที่น่าเชื่อถือ ให้เราทดลอง”
ผมว่าการกลับมากินผลไม้เพื่อลดน้ำหนัก เป็นการทดลองที่ไม่ได้ลงทุนอะไรเยอะเลย เทียบกับการที่เราต้องไปซื้ออาหารเสริม ไปรักษาด้วยวิธีพิเศษอื่น ๆ การเริ่มกินผลไม้และออกกำลังกายนิดหน่อย ช่วยคุณได้ในราคาที่ถูกมาก ๆ 3 เดือนเห็นผลแล้วครับ