ดัชนีมวลกาย หรือ Body mass index (BMI) คิดค้นขึ้นโดย Adolphe Quetlet นักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยี่ยม ปัจจุบันใช้เป็นเกณฑ์เบื้องต้นในการประเมินความสมดุลของร่างกายระหว่างน้ำหนักตัวและส่วนสูง ทำให้ช่วยในการแยกแยะแต่ละบุคคลออกเป็น ผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ผอม ปกติ อ้วนหรืออ้วนมาก เป็นต้น
ค่านี้คำนวณได้จากการนำ “น้ำหนักตัว”(หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วย “ส่วนสูง” ยกกำลังสอง (หน่วยเป็นเมตร) โดยสูตรคำนวณนี้เหมาะสำหรับใช้ในผู้ที่มีอายุ 20 ปี ขึ้นไป โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้นำค่าที่ได้มาจัดให้อยู่ในเกณฑ์ โดยมีการปรับใช้กับคนเอเซียดังนี้
–
| ค่าดัชนีมวลกาย | อยู่ในเกณฑ์ | สิ่งที่ควรปฏิบัติ |
| น้อยกว่า 18.5 | ผอมเกินไป | ควรตรวจสอบภาวะโภชนาการ ออกกำลังกาย สร้างกล้ามเนื้อ |
| ระหว่าง 18.5 – 22.9 | น้ำหนักตัวปกติ | หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อน และดูแลโภชนาการ อย่าให้อ้วน |
| ระหว่าง 23.0 – 24.9 | น้ำหนักเกิน เกือบอ้วน | ดูแลร่างกายเพิ่มขึ้นจากคนน้ำหนักตัวปกติ โดยเฉพาะการรับประทานอาหาร/ออกกำลังกาย |
| ระหว่าง 25.0 – 29.9 | อ้วนแล้ว | โรคอ้วนระดับ 1 เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันและเบาหวาน ต้องรีบลดน้ำหนักอย่างจริงจัง |
| มากกว่า 30 | อ้วนมาก เสี่ยงเป็นโรค | โรคอ้วนระดับ 2 เสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความอ้วนทั้งหมด ต้องรีบลดน้ำหนักอย่างจริงจัง หรือควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็ค |
–
ทั้งนี้ค่า BMI ถือเป็นการประเมินความเสี่ยงในเบื้องต้นเท่านั้น โดยผู้ที่มีค่า BMI ต่ำอาจมีภาวะหรือโรคซ้อนอยู่ได้เช่นเดียวกัน ในทางปฏิบัติยังมีการตรวจด้วยวิธีอื่นประกอบด้วย เช่น ค่าสัดส่วนเส้นรอบเอว/รอบสะโพก การวัดความหนาของผิวหนัง
–
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ
แหล่งข้อมูล : en.wikipedia.org www.thaihealth.or.th
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า