การทานอาหาร “มังสวิรัติ (Vegetarian diet)” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “กินมัง” เป็นการเลือกทานพืช ผัก ผลไม้ ไม่ทานเนื้อสัตว์ ด้วยเหตุผลเรื่องความเมตตาต่อสัตว์ ควบคู่ไปกับการรักสุขภาพ โดยการทาน “มังสวิรัติ” นั้น มีมาตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 6 ในบางพื้นที่ของโลก อาทิ อินเดีย กรีซ และปัจจุบันมีผู้นิยม “กินมัง” เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบันมีผู้ที่นิยมการทาน “มังสวิรัติ” มีหลายแบบย่อย ๆ ตามเหตุผล ความเชื่อ ความศรัทธา ของแต่ละกลุ่ม เช่น
- มังสวิรัตินมและไข่ (Lacto-ovo Vegetarian) เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เน้นทานพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ รวมถึงนมและไข่
- มังสวิรัติปลา (Pescatarian) เน้นทานพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ รวมถึงเนื้อปลา และอาหารทะเล
- มังสวิรัตินม (Lacto Vegetarian) เน้นทานพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ รวมทั้งนม เนย และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม แต่จะไม่กินไข่ทุกชนิด
- มังสวิรัติไข่ (Ovo Vegetarian) เน้นทานพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ รวมถึงไข่ แต่ไม่ดื่มนม และผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด
- มังสวิรัติวีแกน (Vegan) งดทานอาหารที่ทำจากสัตว์ ส่วนประกอบเกี่ยวเนื่องจากสัตว์ รวมถึงงดใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทำจากสัตว์ เช่น งดทานน้ำผึ้ง งดใช้กระเป๋าที่ทำจากเนื้อสัตว์ เป็นต้น
- กึ่งมังสวิรัติ (Semi-vegetarian) เน้นทานพืช ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ ไม่ทานเนื้อสัตว์สีแดง หรือสัตว์ใหญ่ แต่ทานเนื้อปลา เนื้อไก่ นม เนย ไข่ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง กลุ่มนี้บางคนยังไม่จัดว่าเป็นการ “กินมัง”
ทั้งนี้การ “กินมัง” ถ้าทานให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ พร้อมทั้งมีการออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่เหมาะสมแล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวม คือ การมีสุขภาพที่ดี ปราศจากโรค ร่างกายแข็งแรง และอายุยืน
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ โดยร่างกายต้องการสารอาหารที่สำคัญจากทั้งพืชและสัตว์ การไม่กินเนื้อสัตว์อาจส่งผลให้ร่างกายขาดธาตุเหล็ก แคลเซียม โปรตีน วิตามิน D วิตามิน B12 และธาตุสังกะสี จึงจำเป็นต้องศึกษาถึงแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อให้การ “กินมัง” ของคุณได้ประโยชน์ และไม่ก่อให้เกิดอันตราย
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ
แหล่งที่มา: www.medicalnewstoday.com www.mayoclinic.org
ภาพประกอบจาก: www.freepik.com