ครบเครื่องการดูแลสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ การป้องกันโรค การเงินเพื่อสุขภาพ สำหรับวัยทำงาน

.jpg

เพิ่มฮอร์โมนเพศชายให้เป็นหนุ่มสุขภาพดี หนุ่มคนไหนอยากมีสุขภาพแข็งแรง เป็นหนุ่มนาน ๆ มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ต้องตาติดใจสาว ๆ เพียงทำตาม 10 วิธีนี้ที่จะทำให้ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ของคุณเพิ่มขึ้นค่ะ

1. ออกกำลังกายโดยการยกน้ำหนัก

ซึ่งจะช่วยให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพศชายออกมานานถึง 48 ชั่วโมง นั่นหมายถึงว่าคุณจะมีฮอร์โมนเพศชายมาช่วยดูแลร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญไขมันดีขึ้น สร้างกล้ามเนื้อดีขึ้นไปถึง 48 ชั่วโมง ต่อการยกน้ำหนัก 1 ครั้งเลย สำหรับการยกที่ดีคือการยกที่ใช้กล้ามเนื้อมากกว่ามัดเดียว อย่างเช่น ท่าที่ต้องใช้ทั้งหลัง แขน อก ไหล่ แต่ก็ควรระวังคือ ควรเริ่มการยกจากน้ำหนักน้อย ๆ แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ยกครั้งแรกก็ใช้น้ำหนักมากเลย เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

 

2. ดูกีฬา

อาจจะงงว่าทำไมดูกีฬาแล้วฮอร์โมนเพศชายถึงสูงขึ้นได้ นั่นก็เพราะว่าการดูกีฬาโดยเฉพาะได้เชียร์ทีมที่คุณชอบจะทำให้ร่างกายเราตื่นเต้น มีความสุข และทำให้ฮอร์โมนเพศชายพุ่งสูงขึ้นประมาณ 15 – 20% ยิ่งถ้าทีมที่คุณเชียร์ชนะ และทำให้คุณเกิดอาการดีใจและมีความสุขมาจากจิตใต้สำนึก ฮอร์โมนเพศชายจะเพิ่มสูงขึ้นเกิน 20% แต่ถ้าทีมแพ้จะเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 10% แต่แม้ว่าทีมที่คุณเชียร์จะแพ้หรือชนะ ยังไงก็ยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนให้คุณอยู่ดีนี่นา

 

3. กินไขมันดี

ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโน ที่พบมากในน้ำมันมะกอกน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน และไขมันโอเมก้า 3 6 9 ที่พบในปลา ถั่ว อโวคาโด้ ไขมันพวกนี้สามารถกินเยอะได้ไม่อ้วน และเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮอร์โมนเพศชาย ถ้ามีเยอะร่างกายก็ยิ่งพัฒนา และซ่อมแซมตัวเองได้ดี

 

4. กินไข่

คนชอบคิดว่ากินไข่แล้วไม่ดี มีคอเลสเตอรอลเยอะ ซึ่งไม่จริง เพราะคอเลสเตอรอลจากไข่เป็นคอเลสเตอรอลดี (HDL) ที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับเพื่อใช้สร้างและซ่อมแซมร่างกาย แล้วในไข่ยังมีธาตุสังกะสี วิตามินบี ที่ช่วยสร้างฮอร์โมนเพศชายด้วย

5. ออกกำลังกายแค่พอเหมาะและผ่อนคลายบ้าง

บางคนชอบคิดว่าเราต้องออกกำลังกายเยอะ ๆ ไม่งั้นเดี๋ยวอ้วน เดี๋ยวสุขภาพไม่ดี เดี๋ยวไม่มีกล้าม นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด ในทางกลับกันถ้าเราไม่พัก เอาแต่ออกกำลังกายหนักๆ ทุกวันร่างกายเราก็จะเครียด มีพลังงานไม่เพียงพอต่อการสร้างกล้ามเนื้อ และยังทำให้ฮอร์โมนไม่มีเวลาเพียงพอในการสร้างตัว ซ้ำร้ายยังทำให้ร่างกายเครียดเข้าไปอีก เพราะต้องรีบซ่อมแซม ดังนั้น อย่าออกกำลังกายมากเกินไป ควรออกประมาณ 3 – 5 ครั้ง/สัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว

 

6. นอนให้พอ

เคยมีพิสูจน์มาแล้วว่าคนที่นอนไม่พอฮอร์โมนจะตกไป 30% แล้วก็จะทำให้เก็บสะสมไขมันมากขึ้น ดังนั้น ควรนอนให้พอ ผู้ใหญ่อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ที่สำคัญควรนอนให้เป็นเวลา อย่างเคยนอน 3 ทุ่ม แล้วตื่น 6 โมงเช้า ก็ควรทำให้เป็นประจำ ซึ่งการนอนในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว

 

7. กินกะหล่ำ

ผลการวิจัยจาก Rockefeller University ในนิวยอร์กบอกไว้ว่าในกะหล่ำจะมีสารอินโด 3 คาร์มินอล (indole 3-carbinol) หรือ IC3 ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ขึ้นมาได้เยอะแล้วผลการวิจัยยังบอกอีกว่าคนที่เพิ่งได้รับสาร IC3 จะทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงลดลงไปถึง 50% ซึ่งสำหรับสาว ๆ แล้วอาจจะไม่ดี แต่สำหรับผู้ชายถือว่าดีมากเชียวละ

8. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หรือดื่มให้น้อยที่สุด เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติโซนหลั่งออกมามากเป็นพิเศษ ซึ่งปกติแล้วฮอร์โมนคอร์ติโซนนี้จะหลั่งออกมาตอนที่เราเครียด แล้วส่งผลทำให้เกิดการเก็บไขมันมากขึ้น แถมยังลดกล้ามเนื้อ ดังนั้น ถ้าอยากมีกล้ามโต ๆ ไว้อวดใคร ๆ ก็ควรหยุดดื่มแอลกอฮอล์ได้แล้ว

9. กินวิตามินอีเยอะ ๆ

วิตามินอีเป็นสารอาหารที่ช่วยชะลอความแก่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่คอยปกป้องเซลล์ไม่ให้เกิดความเสียหาย และถ้ากินวิตามินอีในปริมาณ 1,300 IU/วันต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี จะช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมากการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง นอกจากนี้ในผู้ชายที่มีระบบสืบพันธุ์ไม่สมบูรณ์ พบว่าเมื่อได้รับวิตามินอี วันละ 200 IU อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน จะมีโอกาสมีบุตรสูงขึ้น เนื่องจากวิตามินอีช่วยลดระดับของอนุมูลอิสระในน้ำอสุจิ จึงทำให้ผนังเซลล์อสุจิแข็งแรงขึ้น

10. โดนแดดบ้าง

อย่ามัวกลัวตัวดำแล้วหลบแดดอยู่แต่ในบ้าน ออกไปข้างนอกให้ร่างกายสัมผัสแดดบ้าง อย่างน้อยสักวันละ 15 – 20 นาที นอกจากจะได้รับวิตามินดีแล้ว ยังจะทำให้ฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้นมา 120 – 200% แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นแดดตอนเที่ยงนะ แดดช่วงเช้าหรือเย็นจะดีที่สุด อาจจะเลือกวิธีโดนแดดด้วยการวิ่งตอนเช้าก็จะทำให้สุขภาพดีควบคู่ด้วย

เห็นไหมล่ะ 10 วิธีการเป็นหนุ่มสุขภาพดีพลังแมนเกินร้อยไม่ยากอย่างดีคิด ทำแล้วรับรองว่าคุณจะกลายเป็นหนุ่มตลอดกาลที่สุขภาพแข็งแรงได้ไม่ยากเลย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : toptenthailand.(2007).10 อันดับ วิธี บิ้วด์ฮอร์โมนเพศชายให้เป็นหนุ่มสุขภาพดี แก่ช้า ไม่ลงพุง.19 มิถุนายน 2558.
แหล่งที่มา : http://www.toptenthailand.com/detail.php?id=20131127153606999
ภาพประกอบจาก : http://www.riskcomddc.com


-Almond-ธัญพืชวิเศษ…เพื่อสุขภาพที่ดี.jpg

อัลมอนด์ เป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์กุหลาบ (ROSACEAE) โดยเป็นพืชพื้นเมืองในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ ลำต้นสูงประมาณ 4 – 10 เมตร ใบเป็นขอบหยัก ดอกมี 5 กลีบ สีขาวหรือชมพูอ่อน ผลดิบเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล มีเปลือกแข็งหุ้มเมล็ด นิยมทานเมล็ดอัลมอนด์ โดยมีขายทั้งแบบพร้อมเปลือกและแบบไม่มีเปลือก

 

อัลมอนด์มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จากข้อมูลของ USDA Nutrient Database ระบุว่าอัลมอนด์อุดมไปด้วยพลังงาน ไฟเบอร์ โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นมากมาย เช่น วิตามินบี โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ในการรับประทานอัลมอนด์ 30 กรัม หรือประมาณ 24 เมล็ด ให้พลังงานทั้งหมด 160 แคลอรี่ โดยมีกรดไขมันอิ่มตัว 1 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัว 13 กรัม และโปรตีน 6 กรัม ปัจจุบันอัลมอนด์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน

 

ประโยชน์ดี ๆ ของอัลมอนด์

  • ช่วยลดน้ำหนัก จากการที่อัลมอนด์มีไขมันชนิดดี (HDL) ปริมาณมาก สามารถช่วยลดไขมันชนิดเลว (LDL) ลดคอเลสเตอรอลในเลือด โดยงานวิจัยจากสถาบันชั้นนำในอเมริกาและยุโรปพบว่า การรับประทานวันละ 1 หยิบมือจะช่วยลดระดับไขมันเลวได้ 4.4% ขณะที่การรับประทานวันละ 2 หยิบมือก็จะช่วยลดระดับไขมันเลวได้ 9.4% นอกจากนี้การมีโปรตีน ไฟเบอร์ วิตามิน ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น การมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โปรตีนสูง ใยอาหารสูง ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน ใครที่ต้องการลดน้ำหนัก เบิร์นไขมัน ลีนหุ่น การทานอัลมอนด์ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและการพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นทางเลือกที่ดี
  • ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ในอัลมอนด์ มีไขมันชนิดดี (HDL) ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และมีวิตามินอี แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีอาร์จินีน แมกนีเซียม ทองแดง แมงกานีส แคลเซียมและโพแทสเซียม ช่วยให้ออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ไหลเวียนในเลือดได้ดี ทำให้การรับประทานอัลมอนด์มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การรับประทานอัลมอนด์ มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล โดยจะชะลออัตราการปล่อยน้ำตาลกลูโคสออกสู่กระแสเลือดไม่ให้เร็วจนเกินไป จึงไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นสูง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้อีกด้วย
  • บำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม ไรโบฟลาวินและแอลคานิทีน มีส่วนช่วยบำรุงการทำงานของระบบประสาทและสมอง นอกจากนี้เหล็ก ทองแดง และวิตามิน ในอัลมอนด์ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมองไม่ขาดออกซิเจน
  • บำรุงผิวและลดริ้วรอย อัลมอนด์มีวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด จึงช่วยบำรุงผิวให้มีสุขภาพดี และลดการเกิดริ้วรอยได้ น้ำมันอัลมอนด์มีความอ่อนโยนและระคายเคืองน้อยมาก จึงสามารถใช้กับผิวทารกได้

นอกจากนี้แล้ว การทานอัลมอนด์พบว่ายังมีประโยชน์ในเรื่องการบำรุงสายตา กระตุ้นแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการอ่อนเพลียได้เร็ว

 

กินอัลมอนด์อย่างไร ให้เกิดประโยชน์

  • ควรรับประทานอัลมอนด์วันละประมาณ 1 กำมือ หรือ 24 เมล็ด โดยไม่ควรบริโภคมากเกินไป เพื่อให้ได้รับพลังงาน ไขมันดี (HDL) เส้นใยอาหาร โปรตีนและวิตามินในปริมาณที่เหมาะสมและส่งผลดีต่อสุขภาพ
  • จัดอัลมอนด์เป็นอาหารว่าง แทนอาหารว่าง ของกินเล่นทั่วไปที่มีไขมัน น้ำตาลปริมาณสูง เช่น ขนมเค้ก มันฝรั่งทอดกรอบ อื่น ๆ โดยคุมปริมาณให้อยู่ในข้อก่อนหน้า ทั้งนี้อัลมอนด์มีจำนวนแคลอรี่และไขมันสูง หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้เสี่ยงเกิดคอเลสเตอรอลสูงได้เช่นกัน
  • เลือกรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือทำจากอัลมอนด์ เช่น นมอัลมอนด์ โยเกิร์ตผสมอัลมอนด์ หรือการนำอัลมอนด์ผสมลงในอาหารมื้อหลัก เพื่อเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร

 

เรียบเรียงข้อมูลโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพประกอบจาก : www.freepik.com
ข้อมูลจาก : www.honestdocs.co   www.pobpad.com   www.medthai.com

 

 

 


.jpg

มะเร็ง เป็นโรคร้ายที่น่าหวาดกลัวของคนทั่วโลก แม้ทางการแพทย์ไม่อาจยืนยันว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีวิธีการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดโรคได้ด้วยตนเอง โดยการลดความเสี่ยงของการเกิดโรค และป้องกันด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีอยู่ในพืชผักและสมุนไพร ตัวอย่างเช่น

 

บัวบก

มีฤทธิ์ และประโยชน์ทางยา ดังนี้

  1. ฤทธิ์ในการสมานแผล และลดการอักเสบ
  2. ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
  3. ฤทธิ์ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
  4. ฤทธิ์ยับยั้งมะเร็ง

 

ดีปลี

มีฤทธิ์ และประโยชน์ทางยา ดังนี้

  1. ใช้เป็นยาขับลม แก้จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำมันหอมระเหย และสารพิษเพอรีนในผลดีปลีมีฤทธิ์ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และแก้อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากธาตุไม่ปกติ
  2. แก้ไอ ขับเสมหะ

 

ขึ้นฉ่าย

มีฤทธิ์ และประโยชน์ทางยา ดังนี้

  1. ฤทธิ์ลดปริมาณการสร้างอสุจิ และลดอัตราการตั้งท้อง
  2. ฤทธิ์ลดความดันโลหิต
  3. ช่วยขับลม ขับปัสสาวะ


กระชาย

มีฤทธิ์ และประโยชน์ทางยา ดังนี้

  1. ใช้เป็นยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม โดยสารสำคัญในน้ำมันหอมระเหยเป็นตัวออกฤทธิ์ ทำให้กระเพาะและลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น
  2. ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำหนัด
  3. ใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง ท้องเดินที่ไม่ใช่มีสาเหตุจากบิด หรืออหิวาตกโรค

 

ขมิ้นอ้อย

มีฤทธิ์ และประโยชน์ทางยา ดังนี้

  1. ทาแก้โรคผิวหนังผื่นคัน รักษาแผลพุพอง แก้อาการแพ้เนื่องจากแมลงกัดต่อย สารที่ออกฤทธิ์ คือ สารสำคัญในน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
  2. ใช้รับประทานแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น (dyspepsia)
  3. ช่วยป้องกันโรคกระเพาะอาหาร และรักษาแผลเปื่อยในกระเพาะและลำไส้

-และสารต้านอนุมูลอิสระ-1.jpg

อนุมูลอิสระ

อนุมูลอิสระ (Free radical) เป็นอะตอมหรือโมเลกุล ที่มีอิเล็กตรอนไม่เป็นคู่ (unpaired electron) อย่างน้อย 1 ตัวโคจรรอบวงนอกสุด ซึ่งอะตอมหรือโมเลกุลประเภทนี้ เกิดขึ้นจากกระบวนการต่าง ๆในการดำรงชีวิต ทั้งจากปัจจัยภายในร่างกาย เช่น การเผาผลาญอาหาร กระบวนการสร้างพลังงาน การหายใจระดับเซลล์ กลไกการป้องกันตัวเองของร่างกายจากเชื้อโรค และปัจจัยภายนอก เช่น การสูบบุหรี่ การสัมผัสกับแสงแดด การสัมผัสรังสี การรับประทานอาหารที่มีน้ำมัน อาหารปิ้ง ย่าง เผาที่ไหม้ เป็นต้น

 

สารต้านอนุมูลอิสระ

ร่างกาย มีการป้องกันการสะสมของอนุมูลอิสระ อยู่ 2 วิธี  วิธีแรก จากการที่ร่างกาย มีการสร้างเอนไซม์หรือกลไก เช่น เอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant enzymes) ขึ้นมาควบคุม โดยเป็นกลไกในการเปลี่ยนอนุมูลอิสระ ให้กลายเป็นน้ำ วิธีที่สอง การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารที่รับประทาน เช่น วิตามินอี เบ้ตาแคโรทีน แอนโทไซยานิดิน (Anthrocyanidin) สารประกอบโฟลีฟีนอล รวมถึงโคเอนไซม์คิวเท็น (Coenzyme Q10) เป็นต้น

 

ผลเสียกรณีไม่สมดุล

ปริมาณอนุมูลอิสระ ที่สมดุล มีส่วนช่วยทำลายสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ในกรณีเกิดความไม่สมดุลระหว่างการเกิดกับการกำจัดหรือการป้องกันการสะสมของอนุมูลอิสระ เช่น ร่างกายต้องสัมผัสแดดเป็นประจำ พฤติกรรมรับประทานอาหารปิ้งจนไหม้ หรือเจ็บป่วย ชรา จนกลไกการป้องกันเสื่อมลง ทำให้มีการสะสมของสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น จนกลายเป็นสารพิษที่สามารถทำร้ายร่างกาย โดยทำให้ร่างกาย มีความเสี่ยงจากการที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ เยื่อหุ้มเซลล์ รวมถึง DNA ถูกทำลาย และนำไปสู่โรคในหลายระบบ เช่น โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคทางสมองและระบบประสาท เช่น Parkinson และ Alzheimer โรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ มะเร็ง รวมถึงความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ เช่น ความยืดหยุ่นของผิวหนัง

 

เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ

แหล่งข้อมูล :
  1. ผศ. ดร. พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์. ศ. เกียรติคุณ ดร. นิธิยา รัตนาปนนท์. ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหารครบวงจร. “อนุมูลอิสระ” (ระบบออนไลน์) แหล่งที่มา : pharm.swu.ac.th (15 กุมภาพันธ์ 2561)
  2. ดร. อธิป สกุลเผือก. “อนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระ” (ระบบออนไลน์). แหล่งที่มา : ccpe.pharmacycouncil.org (15 กุมภาพันธ์ 2561)
  3. แหล่งที่มา : dna.kps.ku.ac.th (15 กุมภาพันธ์ 2561)
.

ภาพประกอบจาก :www.yourhealthsupport.in

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก