ครบเครื่องการดูแลสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ การป้องกันโรค การเงินเพื่อสุขภาพ สำหรับวัยทำงาน

10-บทเรียนสำคัญ...ในการใช้ชีวิต.jpg

ในสังคมยุคดิจิทัลเรามักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคำแนะนำ หรือประสบการณ์ของผู้มีอายุกันเท่าไร ยุคนี้หลายคนถือว่าเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ ดังนั้นผู้สูงอายุหรือผู้มีประสบการณ์ จึงมักไม่ใช่แหล่งที่เราจะเข้าไปหาเมื่อมีปัญหาหรือต้องการคำแนะนำ คนรุ่นใหม่มักจะหันหน้าเข้าหาผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ หรือไม่ก็หนังสือพวก Self-Help หรือไม่ก็ปรึกษา Google เลย

 

เรามักจะมองว่าบรรดาผู้สูงอายุหลาย ๆ ท่านไม่ทันสมัย ชอบแต่เล่าเรื่องเก่า ๆ ไม่ทันต่อยุคและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแต่จริงๆ ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง เราจะพบว่าบรรดาผู้สูงอายุทั้งหลายนั้นได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และกว่าที่อายุจะยืนยาวได้ถึงระดับหนึ่งย่อมจะต้องได้เรียนรู้ในบางสิ่งบางอย่างที่มีคุณค่า ที่หนังสือหรือเว็บไหนก็ไม่สามารถที่จะทดแทนได้ ถึงแม้สภาวะแวดล้อมในอดีตกับปัจจุบันไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่แก่นและหลักการพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตย่อมไม่ต่างกันมาก

ในต่างประเทศนั้นได้มีอาจารย์ท่านหนึ่งของ Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ชาวอเมริกันที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1,200 คน โดยคำถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า จากประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุดที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน แล้วก็นำมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ แต่เขาได้คัดเลือกบทเรียนสำคัญ 10 ประการที่โดดเด่นเอาไว้ครับ

 

บทเรียนทั้ง 10 ประการ ประกอบด้วย

  1. ให้เลือกอาชีพโดยดูจากความต้องการภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่าความผิดพลาดสำคัญในการเลือกอาชีพของเขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่าของอาชีพ
  2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกายเหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายเราไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่ดี หรือไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเสียชีวิตในฉับพลัน แต่ทำให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย
  3. ตอบตกลงต่อโอกาสที่เข้ามา โดยเมื่อมีโอกาสหรือความท้าทายเข้ามา ต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะส่วนใหญ่มักจะมาเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง
  4. เลือกคู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ใช้เวลาในการดูและทำความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่ารีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่องแท้
  5. เที่ยวให้มากไว้ เมื่อมีโอกาสให้เดินทางครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาสต่าง ๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และมีคุณค่าของชีวิตเลยทีเดียว
  6. ให้พูดในสิ่งที่อยากจะพูดเดี๋ยวนี้ เนื่องจากเรามักจะเสียใจและเสียดาย ว่าไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูดกับหลาย ๆ คน เมื่อไม่มีโอกาส เราจะมีโอกาสแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อผู้อื่นได้ ก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะครับ
  7. เวลาเป็นของมีค่า ชีวิตของเรานั้นแสนสั้น แต่ไม่ใช่ให้มานั่งเศร้า นะครับ แต่ให้ทำในสิ่งที่สำคัญและมีค่าเดี๋ยวนี้ เนื่องจากยิ่งเราอายุมากขึ้น เราจะพบว่าเวลายิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วขึ้น
  8. ความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขต่าง ๆ คำแนะนำหนึ่ง ก็คือ จงรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเราเองตลอดชีวิตเรา
  9. การใช้เวลามานั่งกังวลต่อสิ่งต่าง ๆ นั้นเป็นการเสียเวลา ดังนั้น ให้หยุดกังวลครับหรือไม่ก็พยายามลดความกังวลลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น
  10. คิดเล็ก-อย่าคิดใหญ่ ค่อย ๆ ซึมซับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตเรา และมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นครับ

ท่านผู้อ่านคงจะเห็นตรงกันนะครับว่าข้อคิดดี ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ในประเทศไทยเองก็น่าจะมีการศึกษาในลักษณะนี้เหมือนกันนะครับ เพื่อรวบรวมบทเรียนสำคัญของชีวิตจากผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เอาไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับรุ่นหลังต่อไปครับ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thaihealth.(2010).10 บทเรียนสำคัญ…ในการใช้ชีวิต.23 สิงหาคม 2558.
แหล่งที่มา : http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/28122l
ภาพประกอบจาก : www.thaihealth.or.th


...เมื่อฉันเกลียดสามี-.jpg

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่คนสองคนจะมาถึงจุดที่รัก และแต่งงานกัน แต่ในทุกความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีทั้งช่วงเวลาที่สุขและทุกข์ปะปนกัน แต่เมื่อบางคู่มาถึงจุดที่ภรรยาคิดว่า  ฉันเกลียดสามีตัวเอง” แล้วต้องถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไข เพราะความรู้สึกนี้ไม่ได้จบลงไปง่าย ๆ

ผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตคู่ มีคำแนะนำสำหรับเรื่องนี้ว่า

 

ให้มองความดีของสามี

คนมักเลือกใช้คำว่า “เกลียด” เป็นคำอธิบายเมื่อชีวิตคู่อยู่ในสถานะ “ไม่มีความสุข” เพราะเป็นคำพูดที่อธิบายได้ชัดเจนที่สุดแล้ว และก็เป็นต้นทางนำไปสู่การหย่าร้าง แต่ผู้เป็นภรรยาลองกลับไปคิดถึงอะไรที่เป็นเบสิก เป็นสัจธรรมของคนทุกคนที่ว่า “คนเรามีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่เสีย” แล้วสามีของเราล่ะ เขามีข้อดี มีความดีอะไรบ้างที่คุณประทับใจ หากความดีนั้นมีมากเมื่อเทียบกับข้อเสีย หรือความผิดพลาดของเขาแล้ว สามีของคุณเป็นคนดี เขาชนะใจคุณด้วยความดีนะ

เคยนั่งจับเข่าคุยกับสามีอย่างจริงจังแล้วหรือยัง ว่าคุณชอบ/ไม่ชอบอะไร

การที่คู่รักมีปัญหา ส่วนใหญ่เกิดจากการสื่อสารและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่ใช่แค่ระหว่างคุณและสามี แต่มันควรจะรวมไปถึงระหว่างตัวคุณและความคิดของคุณด้วย นั่นคือ “ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ” คุณได้ลองคิดรึยังว่า คุณอาจจะทำอะไรพลาดไปเองก็ได้ และเคยนั่งจับเข่าคุยกับสามีอย่างจริงจังถึงปัญหาที่เกิดขึ้นบ้างไหม การทบทวนตัวเอง ไม่ได้หมายความว่า คุณผิด แต่การกลับมาทบทวน อาจทำให้มองเห็นว่า ระหว่างคุณกับสามีอาจจะสื่อสารไม่ตรงกัน เข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนกัน และที่สำคัญคุณเคยบอกสามีมั้ยว่า “อะไรที่สามีทำ แล้วคุณไม่ชอบ” การละเลย ไม่สื่อสาร ไม่คุยกัน บางทีมันสะสมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ แต่ถ้าได้คุยกันจนเข้าใจ และยอมรับกันแล้วว่า “จะปรับปรุงตัว” หากสามียังคงผิดคำพูด ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงตอนนั้นคุณอาจต้องวางแผนการเลิกราอย่างเป็นขั้นตอนได้เลย

 

รู้ทันอารมณ์ตัวเอง

บางทีนักบำบัดก็มาถึงทางตันเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่า ภรรยาเกลียดสามีเพราะสาเหตุใด อารมณ์เกลียดของผู้หญิงในบางครั้งวิเคราะห์ยาก บางทีก็ไม่มีเหตุผล แม้ในบางครั้งจะหาสาเหตุเจอ ก็อาจมาติดอยู่ที่ทางออกแบบไหน ที่ผู้เป็นภรรยาจะพึงพอใจ ดังนั้น อันดับแรกคือ การจักอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้ความโกรธความเกลียดมาครอบงำ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาวิธีกำจัดมันออกไป สำคัญกว่านั้นคือ หากรู้สาเหตุที่ทำให้โกรธ ให้เกลียด ก็เอาเรื่องนั้นมาจับเข่าคุยกับสามีตามที่บอกไว้ในข้อ 2 อย่าปล่อยให้ความโกรธความเกลียดแบบไม่มีเหตุผลหรือไร้สาระ มาทำลายความรักอันหวานชื่นเลย “คนโสดเค้าอยากมีคู่แบบเราจะตาย”

 

อย่าปล่อยให้ “ความเกลียด” มาทำลายข้อดีในตัวคุณ

นักบำบัดพบว่า ก่อนจะมาถึง “เกลียด” คือ “โกรธ” และก่อนจะมาถึง “โกรธ” คือ “เสียใจ” ก่อนหน้า “เสียใจ” คือ “ผิดหวัง” ดังนั้นเมื่อรู้เส้นทางที่มาของความเกลียด ก็เอาเส้นทางนี้ออกมาวิเคราะห์

นักบำบัดบอกว่า สตรีเพศคือเพศผู้สร้างความสัมพันธ์ ไม่ใช่ทำลายความสัมพันธ์ด้วยความรู้สึกโกรธหรือเกลียด ผู้หญิงถูกสอนและถูกปลูกฝังให้มีความอ่อนโยน ยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อสร้างความสวยแบบธรรมชาติ แบบเป็นตัวของตัวเอง ใครเห็นก็มีความสุข ดังนั้นอย่าปล่อยให้อารมณ์ร้ายๆมาครอบงำ ความโกรธความเกลียดมันน่ากลัวนะ หากไม่รู้จักควบคุม

ธรรมชาติสร้างผู้หญิงมาให้มีความน่ารัก อ่อนโยน คุณจะปล่อยให้เพียงแค่ความโกรธความเกลียดมาทำลายความน่ารักหรอ จะปล่อยให้ความโกรธความเกลียดมาทำลายความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาที่สร้างมาหรอ อย่าเลย! ใช้ความสวยที่ธรรมชาติให้มา สร้างความสุข สร้างความสัมพันธ์กันเถอะ

 

เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ
แหล่งที่มา: www.yahoo.com
ภาพประกอบจาก: www.freepik.com


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก