สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน ปีนี้ยังมีวันหยุดอีกหลายวัน ทีมงาน Health2click จึงส่งเรามาพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมสถานที่พักผ่อนสไตล์รีสอร์ทแนวสุขภาพบำบัด ไม่ไกลจากกรุงเทพ เดินทางโดยรถยนต์เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง เห็นเวลาที่ใช้เดินทางแล้ว เพื่อนบางคนอาจจะมาแวะพักผ่อนพร้อมทำกิจกรรมสุขภาพบำบัด ที่รีสอร์ทนี้ได้ทุกวัน
รีสอร์ทแนวสุขภาพที่จะพาเพื่อน ๆ เที่ยว คือ เรนโบว์ อโรคายา รีสอร์ท หรือ RAINBOW AROKAYA Holistic Longevity Center ตั้งอยู่ที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา อย่างที่บอกนะคะ ด้วยระยะทางไม่ถึง 100 กิโล จากกรุงเทพฯ หรือเพียง 60 กิโลเมตรจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อน ๆ ก็จะมาถึงสถานที่พักผ่อนสไตล์รีสอร์ทแนวสุขภาพที่ใกล้กรุงเทพแห่งนี้แล้ว โดยจากการสอบถามข้อมูลก่อนออกเดินทาง พบว่า ที่รีสอร์ทแห่งนี้ มีบริการดูแลสุขภาพทั้งแบบที่เป็นองค์รวม ทั้งร่างกาย จิตใจ และการรักษาตามอาการ โดยตั้งใจว่าจะพักที่รีสอร์ทนี้สัก 2 วัน 1 คืน ไปติดตามกันเลยค่ะ
การเดินทางจากกรุงเทพฯ – ฉะเชิงเทรา
การเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ออกเดินทางจากกรุงเทพฯแถว ๆ อนุสาวรีย์ชัยเวลา 8.00 น. ปกติไม่ชอบขับรถเร็ว แวะทานข้าวเช้าแถวตลาดน้ำบางคล้า แวะวัดปากน้ำโจ้โล้ ถึงรีสอร์ทก่อนเที่ยงนิดหน่อย หักลบเวลาแวะเที่ยวช่วงเช้าเบ็ดเสร็จใช้เวลาเดินทางสัก 1 ชั่วโมง 40 นาที สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่สะดวกนำรถยนต์มาเอง หรืออยากใช้ชีวิตแบบติดดิน สามารถใช้บริการรถโดยสารจากกรุงเทพ มาลงที่ “สถานีขนส่งฯฉะเชิงเทรา” และต่อรถสองแถวมาลงที่ “ตลาดบางคล้า” จากนั้นก็สามารถเรียกรถสามล้อ หรือวินมอเตอร์ไซด์ มาที่รีสอร์ทได้เลย แต่เราแนะนำให้เพื่อน ๆ ขับรถมาเองดีกว่า เพื่อจะพักผ่อนกันได้อย่างเต็มที่
เรนโบว์ อโรคายา ยินดีต้อนรับ
สาเหตุที่เราเลือกมาที่นี่ เพราะนอกเหนือจากขึ้นชื่อเรื่องการเป็นรีสอร์ทเพื่อการพักผ่อนใกล้กรุงเทพฯ แล้ว เรนโบว์ อโรคายา ยังเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งมีโปรแกรมที่ช่วยในการปรับสมดุล ทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ ที่ผสมผสานหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนทางเลือกเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีโปรแกรมสุขภาพให้เลือกมากมาย ทั้งโปรแกรมกายภาพบำบัด การตรวจประเมินและวินิจฉัย โปรแกรมอบถ้ำเกลือหิมาลายัน โปรแกรมล้างพิษด้วยสินแร่หินภูเขาไฟญี่ปุ่น (Japanese Sand Bath) โปรแกรมนวดอโรมา โปรแกรมพลังงานบำบัด โปรแกรมแอโรบิคบำบัดในน้ำ รวมทั้งมีการรักษาตามอาการทั้งภาวะข้อไหล่ติด โรคกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูกสันหลังคด โรครองช้ำ หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท เป็นต้น ทีมงานเลยส่งเรามาเล่าเรื่องให้เพื่อน ๆ ฟัง
แวบแรกที่แล่นเข้ามาในรีสอร์ท เราก็รู้สึกประทับใจกับบรรยากาศที่เหมือนที่พักที่ซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้นานาพันธ์ที่เต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่ม และบรรยากาศอันแสนบริสุทธิ์ริมฝั่งแม่น้ำบางประกง ทำให้เราเมื่อเข้ามาแล้วรู้สึกสบายกาย สบายใจ คล้ายกับหลุดมาอยู่ในป่าไม้ธรรมชาติ สงบ ร่มเย็น ต่างจากความวุ่นวายในเมืองก่อนที่เราจะเดินทางมา
พอเข้ามาแล้วเราก็ตรงไปเช็คอินเข้ารีสอร์ทเป็นอันดับแรก และได้พูดคุยสอบถามกับพนักงานถึงกิจกรรมทางด้านสุขภาพดี ๆ ที่รีสอร์ทมีบริการ แอบกระซิบว่าพนักงานที่รีสอร์ทน่ารัก ให้ข้อมูลบริการต่าง ๆ ด้วยความยิ้มแย้มกันทุกคน พูดคุยกันหมดเวลาไปเกือบ 20 นาที สำหรับขั้นตอนการเช็คอินก็จะเหมือนที่พักทั่ว ๆไป เราขอข้ามขั้นตอนนี้ มาพูดถึงมาตรการด้านความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 อีกเรื่องสำคัญในช่วงนี้ค่ะ
มาตรการด้านความปลอดภัยในช่วงโควิด-19 เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทีมงานอยากชื่นชม เริ่มจากพนักงานใส่ Face shield กันทุกคน มีการตรวจวัดอุณหภูมิผู้มาใช้บริการ การล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ การเว้นระยะห่าง การจัดรอบเข้าจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการแต่ละสถานที่ การทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุก ๆ สามชั่วโมง ทีมงานมั่นใจในความปลอดภัยของรีสอร์ทค่ะ แต่ก็ไม่ลืมดูแลตัวเองใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อตามจุดต่าง ๆ ที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ค่ะ
ห้องพักภายในรีสอร์ท
จากหน้าเว็บเห็นรูปแบบของห้องพักภายในรีสอร์ท มีให้เลือกหลายแบบ ทั้ง Standard Room, Executive Room, River Room และ Shangri-La Room เราตั้งใจจะพักผ่อนในบรรยากาศที่มีแต่ธรรมชาติอย่างเต็มขั้น เลยขอเลือกห้องพักแบบ River room เพื่อนอกจากจะเข้าโปรแกรมดูแลสุขภาพแล้ว ยังจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของแม่น้ำบางประกงยามเย็นและค่ำ ตั้งใจว่าจะหามุมอ่านหนังสือ เข้าเน็ต ถ่ายรูปตามระเบียงริมน้ำช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกดินค่ะ
ห้องพักแบบ River Room ที่เราเลือกจะเข้าพักได้ 2 คน โดยค่าห้องรวมสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานภายในห้องพัก ซึ่งเราคิดว่าน่าจะคล้ายกับห้องเกรดเดียวกันของที่พักอื่น เราจึงขอเน้นถึงเรื่องของเครื่องนอน ทั้งที่นอน หมอน หมอนข้าง ผ้าห่ม ซึ่งพิเศษมาก ๆ โดยผลิตจากเส้นใยสินแร่ภูเขาไฟ ทำให้นอนสบายมาก ๆ ตอนเข้าห้องพักตั้งใจว่าจะงีบหลับเพียงเล็กน้อย แต่ดันหลับยาว ๆ เพราะที่นอนที่หนาและนุ่ม พิเศษจริง ๆ ค่ะ อ่อลืมไปอาหารเช้าของที่รีสอร์ทรวมอยู่ในค่าห้องเช่นกันค่ะ
ดื่มด่ำ กับบรรยากาศสบาย ๆ ริมแม่น้ำ
เราเช็คอินก่อนเวลาโปรแกรมสุขภาพที่ติดต่อไว้ร่วม 1 ชั่วโมง เราตัดสินใจวอร์มร่างกายให้พร้อมด้วยการเดินเที่ยวชมโซนต่าง ๆ ภายในโครงการ เห็นเขาบอกกันว่าบรรยากาศเหมือนรีสอร์ทดี ๆ แถวเขาใหญ่เลยทีเดียว เรา เดินเรื่อยไปตั้งแต่โซนคลินิกกายภาพบำบัด โซนรีสอร์ทสุขภาพ มาถึงสถานปฏิบัติธรรม อ่านเจอเหมือนบอกมีจุดถ่ายรูปสวย ๆ ในโครงการ แต่เราไม่ได้ไปเพราะถ่ายรูประหว่างทางเดินไปด้วยแล้ว มาปิดการเดินด้วยการแวะร้านกาแฟ สั่งกาแฟเย็นไม่ใส่น้ำตาลมาดับกระหาย ก่อนเข้าห้องพักเตรียมพร้อมสำหรับโปรแกรมสุขภาพแรกค่ะ
โปรแกรมแรก ล้างพิษด้วยสินแร่หินภูเขาไฟจากญี่ปุ่น
โปรแกรมสุขภาพของรีสอร์ทมีหลายรายการ เราเลือกโปรแกรมล้างพิษด้วยสินแร่หินภูเขาไฟจากญี่ปุ่น (Japanese Sand Bath) เป็นโปรแกรมแรก เพราะส่วนตัวอยากล้างพิษและขจัดไขมันส่วนเกินออกให้เยอะ ๆ ค่ะ แอบอ่านเพิ่มเติมก่อนมาว่า เม็ดสินแร่หินภูเขาไฟจะมีการปลดปล่อยคลื่นฟาร์-อินฟาเรดและประจุลบ จะก่อให้เกิดความร้อน ช่วยในการกระตุ้นระบบหลอดเลือดและหัวใจ เพิ่มการเผาผลาญไขมัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการปวด และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อในร่างกาย เราเลยอยากมาลองด้วยตัวเอง
เริ่มต้นทางเจ้าหน้าที่จะให้เราล้างตัวและเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อม หลังจากนั้นจะมีการวัดความดัน และชั่งน้ำหนัก ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับการต้องสูญเสียเหงื่อในระหว่างการแช่
เมื่อพร้อมแล้ว เราก็จะนอนลงในบ่อแช่แบบสบาย ๆ นะคะ ทางเจ้าหน้าที่ซึ่งผ่านการอบรมก็จะนำเม็ดสินแร่หินภูเขาไฟมาโปรยลงบนตัว เว้นช่วงคอและหน้าไว้ สักพักเดียวเราจะรู้สึกว่าเลือดภายในร่างกายสูบฉีดดีขึ้น เหงื่อออกมาก เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มขัดและนวดตัวเพื่อคลายกล้ามเนื้อ และคอยซักถามอาการของเราเป็นระยะ ๆ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วเราก็มาล้างตัว แล้วก็มาชั่งน้ำหนักและวัดความดันอีกครั้ง
ความรู้สึกแรกที่ได้รับ คือ ตัวเบาค่ะ ผ่อนคลายสบาย ๆ มองผิวตัวเองดูกระชับ เปล่งปลั่งขึ้น เหมือนมีออร่าในตัวเอง แต่อาการที่ติดมาด้วย คือ อยากรับประทานอาหารแล้วค่ะ
อาหารเย็น เรียบง่ายได้สุขภาพครบถ้วน
เนื่องจากเรามาเพียงแค่คนเดียว เราเลยเลือกสั่งข้าวหมกปลากะพง เมนูดี ๆ มีประโยชน์สำหรับคนรักสุขภาพ ที่นี่เขาเสิรฟ์ใส่จานขนาดพอเหมาะ และด้วยรสชาติถูกปาก เราทานจนหมด อิ่มกำลังดีเลยค่ะ เสร็จแล้วเราเดินสบายๆ กลับห้องพักผ่อน เล่นมือถือ ถ่ายรูประเบียงริมน้ำตามแผนเลยค่ะ
กิจกรรมดี ๆ วันที่สอง
เราจัดตารางวันที่สอง ด้วยการตื่นมาใส่บาตรพระในยามเช้า โดยพระจะพายเรือมาจอดเทียบฝั่งของรีสอร์ทให้ผู้ที่มาพักได้ใส่บาตรกัน เป็นกิจกรรมอิ่มบุญ น่ารักๆ รับแสงตะวันยามเช้าค่ะ หลังจากนั้นเราก็ไปรับประทานอาหารเช้า และพร้อมเข้าอีก 2 โปรแกรมสำหรับวันนี้ เริ่ม 10.00 โมง ค่ะ
โปรแกรม พลังงานบำบัด (Japanese Energy Capsule)
โปรแกรมพลังงานบำบัด (Japanese Energy Capsule) จะเป็นการบำบัดด้วยพลังงานความร้อน มีประโยชน์ในเรื่องของการดูแลระบบน้ำเหลือง ระบบไหลเวียนเลือด ระบบเผาผลาญ และยังช่วยให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสต่าง ๆ ลดการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และช่วยในการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวอีกด้วยค่ะ
โดยขั้นตอนของโปรแกรมนี้จะคล้ายกับเมื่อวาน มีการตรวจสภาพร่างกาย อาบน้ำ วัดความดัน ดื่มน้ำ หลังจากนั้นเราก็จะเข้าไปในโดมซาวน่า และปฏิบัติตามที่ทางเจ้าหน้าที่แนะนำได้เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเสร็จสิ้น ออกมาจากโดม มานอนพักอีก 3 – 5 นาทีเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว นั่งพักเพื่อร่างกายแห้ง ก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดก็เป็นอันเสร็จสิ้นโปรแกรมอย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ
ก่อนทานข้าวกลางวัน เราเลือกเดินมาร้านขายของที่ระลึกและสินค้าสุขภาพ ได้ของชิ้นเล็ก ๆ ติดตัวไปฝากคุณแม่ที่บ้าน เสร็จแล้วเราเดินไปทานอาหารกลางวัน ที่เดียวกับมื้อเช้า รอบนี้เราทานอาหารจานเดียวเหมือนเดิม แต่เป็นเมนูราดหน้าปลาทอดกรอบค่ะ อร่อยเข้มเต็มคำกันอีก 1 มื้อ
โปรแกรม ถ้ำเกลือหิมาลายัน
เราตั้งใจจะปิดทริป 2 วัน ด้วยการพักตัวในถ้ำเกลือหิมาลายัน เพราะบางคืนเรานอนไม่หลับ หรือหลับก็ไม่เต็มอิ่ม เขาบอกการพักในถ้ำเกลือหิมาลายัน “ไอเกลือ” ที่ระเหิดออกมาจะช่วยปรับลดคลื่นสมอง ให้เข้าโหมดผ่อนคลาย หลับสนิท ให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้เต็มที่ นอกจากนี้ ไอเกลือยังช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินหายใจ ให้หายใจได้โล่งและลึกกว่าที่เคย และลดคลื่นไฟฟ้าที่สะสมในตัวจากการใช้อุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ด้วย เราเลยตัดสินใจปิดทริปด้วยกิจกรรมนี้ค่ะ
ขั้นตอนเราต้องตรวจร่างกายเบื้องต้น ทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนชุด เข้าไปพักในถ้ำเกลือหิมาลายัน ภายในถ้ำที่เราเห็น จะเป็นก้อนหินเกลือสีชมพู จัดเรียงคล้ายผนังก่ออิฐ แต่มีลวดลาย สีสันความหนักเบาเฉพาะในแต่ละก้อน ก่อให้เกิดความสวยงามแปลกตา ไม่เคยพบเห็นจากที่อื่น กับบรรยากาศของความสงบ ผ่อนคลาย เราพักอยู่ในถ้ำเกลือหิมาลายันนี้ประมาณ 45 นาที ซึ่งกำลังดีสำหรับเรา โดยเราพยายามปรับการหายใจให้หายใจลึกมากขึ้น ผลที่ได้ คือ ความรู้สึกปลอดโปล่งโล่งสบาย รู้สึกหายใจได้ดีในอากาศสะอาด ๆ ทำให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เห็นเจ้าหน้าที่บอกว่าโปรแกรมนี้ เหมาะสำหรับผู้มีโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ โรคไซนัส เป็นหวัด คัดจมูก คออักเสบ ไอมีเสมหะ หรือไอ ช่วยลดอาการของโรคเครียด โรคนอนไม่หลับด้วยค่ะ
ตอนมาเช็คเอ้าท์ ได้คุยกับพนักงานอีกครั้ง ยังรู้ว่าที่รีสอร์ทมีบริการจัดโปรแกรมเฉพาะเป็นรายบุคคล ผู้ใช้บริการสามารถแจ้งให้ทางรีสอร์ทจัดโปรแกรมดี ๆ พิเศษ ๆ ให้เป็นการเฉพาะได้ด้วยค่ะ
ติดตามเนื้อหาดี ๆ จากทีมงาน health2click ได้อย่างต่อเนื่องเลยนะคะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Tel. 02-712-8958
Website : www.rainbowarokaya.com
Line : @rainbowarl