เอ็นอักเสบ (Tendinitis)

เอ็นอักเสบ (Tendinitis) คือ การบวมเจ็บของเอ็นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดเส้นใย มองเห็นในทางกายวิภาคจะเห็นเป็นสีขาวตรงบริเวณส่วนปลายของมัดกล้ามเนื้อ ส่วนที่ยึดติดกับกระดูกและข้อต่าง ๆ โดยทั่วไปการอักเสบจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายขั้นรุนแรง แต่หากปล่อยให้เรื้อรังอาจทำให้มีปัญหาในการเคลื่อนไหว จนกระทบต่อคุณภาพในการดำเนินชีวิตได้
อาการ
อาการเอ็นอักเสบเกิดได้กับกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย โดยบริเวณที่เป็นบ่อย คือ หัวไหล่ ข้อศอก ข้อมือ ข้อเข่า ข้เท้า โดยมักจะมีอาการดังนี้
- อาการเจ็บ ปวดตื้อ ๆ เมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือใช้งานกล้ามเนื้อที่มีเอ็นอักเสบ
- อาการอักเสบ ได้แก่ ปวด ร้อน บวม แดง ของเอ็นที่อักเสบ
- บางรายอาจเห็นเป็นก้อนบวมนูนตามแนวของเอ็นกล้ามเนื้อที่อักเสบ
โดยอาการของเอ็นอักเสบส่วนใหญ่จะดีขึ้นใน 2 – 3 วัน จากการพักการใช้งานเอ็นและกล้ามเนื้อมัดนั้น แต่หากผ่านไป 2 – 3 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงควรไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษา
สาเหตุ
สาเหตุของการอักเสบของเอ็นกล้ามเนื้อนั้น มักจะเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน หรือใช้กล้ามเนื้อทำงานหนักจนเกินไป เช่น งานช่าง งานบ้าน หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดท่า ออกแรงเหวี่ยง เอื้อมยกของที่หนัก นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยในนักกีฬาที่ต้องมีการใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานานในระหว่างการซ้อม การแข่งขัน หรือเกิดการกระทบรุนแรง ตัวอย่างกีฬาที่อาจส่งผล เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล แบดมินตัน มวย วิ่ง เป็นต้น
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- เบื้องต้นให้หยุดพักการใช้กล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณที่อักเสบ
- ระยะ 48 ชั่วโมงแรก ประคบเย็นด้วยผ้าห่อน้ำแข็งบริเวณที่อักเสบนาน 20 นาที ทำซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง
- ใช้ผ้าพันแผลพันรอบ ๆ ข้อต่อและเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณที่อักเสบ เพื่อลดการเคลื่อนไหว
- พยายามยกส่วนของร่างกายที่มีเอ็นอักเสบให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าหัวใจ เช่น การใช้หมอนหนุนขณะนั่งหรือนอน
- อาจรับประทานยาหรือทาเจลบรรเทาอาการอักเสบ ที่หาซื้อตามร้านขายยาทั่วไปได้
- กรณีอาการอักเสบดีขึ้น หลัง 48 – 72 ชั่วโมง ให้เริ่มประคบอุ่น เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดและนำสารอาหารเข้าไปเลี้ยงส่วนที่บาดเจ็บ ร่วมกับการออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนนั้นเบา ๆ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
ทั้งนี้หากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน หรือยังคงมีอาการรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ทันที
*ผู้ป่วยสามารถไปพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มเป็นได้ทันที
การวินิจฉัย
แพทย์จะซักถามกิจกรรมที่ทำมาก่อนหน้าการอักเสบ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อทำซ้ำ ๆ และตรวจกล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณที่เจ็บ โดยการคลำ การให้ออกแรงต้านในบางท่าทาง เพื่อระบุตำแหน่งเอ็นที่เจ็บ กรณีที่ผู้ป่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้นมาก่อนหน้าแล้ว แพทย์จะส่งพิจารณาตรวจเพิ่มเติม โดยมักเป็นการตรวจทางรังสี
การรักษา
- รักษาด้วยยาชนิดรับประทาน เช่น แอสไพริน (Aspirin) นาพรอกเซน (Naproxen) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือยาอื่น ๆ เพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวดที่เกิดจากการอักเสบได้
- รักษาด้วยยาฉีด โดยการฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) รอบ ๆ บริเวณเอ็นที่มีการอักเสบ เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการเจ็บ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ฉีดยานี้ซ้ำ ๆ ในกรณีที่มีการอักเสบเกิน 3 เดือน เนื่องจากอาจทำให้เอ็นกล้ามเนื้ออ่อนแอ เสี่ยงต่อการฉีกขาดได้
- การทำกายภาพบำบัด เป็นวิธีบำบัดรักษาโดยใช้การออกกำลังกายในท่าทางที่ถูกต้อง เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของเอ็นกล้ามเนื้อที่อักเสบ
- การผ่าตัด กรณีที่เอ็นอักเสบมีอาการรุนแรงและนำไปสู่การฉีกขาดของเอ็น อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เอ็นกล้ามเนื้อฉีกขาดออกจากกระดูก
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนของเอ็นอักเสบนั้น มักจะเกิดจากการไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบแบบเรื้อรัง การฉีกขาดหรือการเสื่อมสภาพของเอ็นกล้ามเนื้อ ทำให้การทำงานของข้อต่อบริเวณดังกล่าวติดขัด ผิดรูป คุณภาพชีวิตลดลงได้
ข้อแนะนำและการป้องกัน เอ็นอักเสบ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อทำงานนาน ๆ หรือหนักมากเกินไป โดยให้พักหรือเปลี่ยนท่าเป็นระยะ ๆ ระหว่างวัน
- ปรับท่าทางการนั่ง ยืน เดิน นอน ให้ถูกต้อง รวมถึงการจัดสถานที่นั่งทำงาน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ การจัดวางสิ่งของต่างๆ ให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ใช้งาน
- ควรอบอุ่นร่างกายทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬา เพื่อให้กล้ามเนื้อและระบบต่าง ๆ ของร่างกายมีความพร้อม
- ควรออกกำลังกายให้ได้ครบทั้ง 3 แบบ อย่างสมดุล ทั้งแบบที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆแบบที่เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และแบบที่เสริมสร้างความยืดหยุ่นของร่างกาย
แหล่งข้อมูล : www.pobpad.com www.haamor.com
ภาพประกอบ : www.freepik.com