เรื่องต้องรู้… วัคซีนมะเร็งปากมดลูก
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก (หรือที่เรียกว่า Human Papillomavirus หรือ HPV วัคซีน) จะป้องกันไวรัสที่เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกพบในผู้หญิงเกือบ 10,000 คนต่อปีในสหรัฐอเมริกา ทั่วโลกแล้วมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่สาเหตุ การตายที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง วัคซีนมะเร็งปากมดลูกสามารถปกป้องชีวิตและป้องกันความกลัวและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเป็นมะเร็งปากมดลูก และผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap tests) ที่ผิดปกติ
HPV คืออะไร และมันติดต่อไปยังคุณได้อย่างไร
HPV เป็นไวรัสตระกูลหนึ่งที่เป็นสาเหตุสำคัญมะเร็งปากมดลูกและปัญหาอื่น ๆ เช่น หูดที่อวัยวะเพศ หรือเท้า HPV ยังคงเป็นสาเหตุของมะเร็งที่อวัยวะเพศ ช่องคลอด ทวารหนัก และมะเร็งของศีรษะและคอ ผู้หญิงและผู้ชายจะติดเชื้อ HPV ชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเคยได้รับเชื้อ HPV ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
จะปกป้องตนเองจากมะเร็งปากมดลูกได้อย่างไร
การตรวจคัดกรองมะเร็งปกมดลูกอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่อายุ 21 ปี หรือภายใน 3 หลังจากเริ่มมีเพศสัมพันธ์จะสามารถตรวจพบปัญหาที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อ HPV ก่อนที่มะเร็งจะเกิดขึ้นได้ และปัจจุบันวัคซีนใหม่ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ชนิด เป็นที่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิด 70% ของมะเร็งปากมดลูก แต่หากคุณไม่เคยติดเชื้อ HPV มาก่อนเลย โอกาสในการเกิดมะเร็งปากมดลูกก็ค่อนข้างต่ำมาก แต่หนทางเดียวที่จะสามารถป้องกันจากการติดเชื้อ HPV ได้อย่างแน่นอนคือ การงดมีเพศสัมพันธ์ตลอดชีวิต การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งก็สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้
ใครควรจะฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกบ้าง
ตามแนวทางปฏิบัติแล้วคือ
- แนะนำให้ฉีดในเด็กหญิงอายุ 11 – 12 ปีทุกราย
- สามารถเริ่มให้วัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี
- ในทางอุดมคติ ควรเริ่มให้วัคซีนตั้งแต่ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก แต่ผู้หญิงที่อายุ 26 และมีเพศสัมพันธ์ก็ควรได้รับวัคซีน
- การให้วัคซีนแนะนำในเด็กหญิงและผู้หญิงอายุ 13 – 26 ปี ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน อย่างไรก็ดีการตัดสินใจว่าจะให้หรือไม่ให้วัคซีน แก่ผู้หญิงอายุ 19 – 26 ปี ควรมีการคุยระหว่างแพทย์และผู้รับบริการถึงความเสี่ยงที่ผู้รับบริการจะเคยได้รับเชื้อ HPV มาก่อนและประโยชน์ที่จะได้รับจากวัคซีน
ทำไมวัคซีนมะเร็งปากมดลูกจึงแนะนำให้ใช้ในเด็ก
โดยอุดมคติแล้ว ผู้หญิงควรได้รับวัคซีนก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก เนื่องจากวัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในเด็กหรือผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่วัคซีนครอบคลุมมาก่อน ดังนั้นเด็กหญิงและผู้หญิงที่ไม่เคยติดเชื้อเหล่านี้ก็จะได้ประโยชน์เต็มที่จากการฉีดวัคซีน
แล้วผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วจะได้ประโยชน์จากวัคซีนหรือไม่
ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วก็ยังคงได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนอยู่ แต่อาจจะน้อยกว่าเนื่องจากผู้หญิงเหล่านี้อาจจะเคยได้รับเชื้อ HPV มาแล้วไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวหรือหลายสายพันธุ์ซึ่งเป็นชนิดที่ครอบคลุมโดยวัคซีน
ฉันควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่ และลูกสาวของฉันควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่
มะเร็งปากมดลูกมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งมะเร็งเหล่านี้อาจทำให้ผู้หญิงเสียความสามารถในการมีบุตรและคุกคาม ชีวิตของมารดาที่อายุน้อยได้ คุณอาจไม่ทราบว่ามีใครที่เป็นมะเร็งปากมดลูกบ้าง แต่ในสตรีส่วนใหญ่จะทราบว่ามีใครที่ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ เนื่องจากการติดเชื้อ HPV นั้นพบได้บ่อย จึงมีความเชื่อว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจะสามารถค้นหาคนที่เป็นมีปากมดลูกผิดปกติที่ยังสามารถรักษาได้ ปัจจุบัน ผู้หญิงจะมีทางเลือกที่สำคัญเพิ่มขึ้นในการป้องกัน วัคซีนมะเร็งปากมดลูกจะช่วยป้องกันก้าวแรกของการเกิดมะเร็งปากมดลูกนั่นก็คือการติดเชื้อ HPV การฉีดวัคซีนร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้
ฉีดวัคซีนอย่างไร
ฉีดที่แขนหรือต้นแขน 3 ครั้ง ในวันแรก 2 เดือนและ 4 เดือนหลังจากนั้น โดยภูมิคุ้มกันจะเกิดหลังจากให้ยาครบทั้ง 3 เข็มยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจำเป็นจำต้องฉีดกระตุ้นอีกหรือไม่
วัคซีนปลอดภัยหรือไม่
ปลอดภัยมีการศึกษาว่าวัคซีนมีความปลอดภัยค่อนข้างมาก ไม่พบว่ามีไวรัสที่มีชีวิตเหลืออยู่ในวัคซีน ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังฉีดยาคือ มีแดงและเจ็บบริเวณที่ฉีดยา อาการปวดหัว (คล้ายกับจะเป็นไข้หวัด) ก็พบได้บ่อย อาจพบมีไข้ได้ อาการปวดและมีไข้สามารถบรรเทาโดยการให้ยาได้ แต่ก็คล้ายคลึงกับยาทั่วไปก็คือยังคงต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยในการใช้วัคซีนต่อไป
กลุ่มเด็กหญิงหรือผู้หญิงที่ไม่ควรรับวัคซีนหรือไม่
ไม่ควรฉีดวัคซีนหากยังมีอาการเจ็บป่วยหรือมีประวัติแพ้ยีสต์ หรือตั้งครรภ์อยู่หรืออยู่ในช่วงที่พยายามจะตั้งครรภ์ ความเสี่ยงของการแท้งบุตรค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ดี คล้ายคลึงกับยาใหม่ทั่วไปก็คือยังไม่ทราบความเสี่ยงที่แน่ชัด คุณควรจะฉีดวัคซีน ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มอายุที่มีการแนะนำให้ฉีด หรือแม้แต่อยู่ในช่วงที่กำลังรักษาผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่ผิดปกติ หรือเคยมีผล Pap smear ผิดปกติ หูดที่อวัยวะเพศ หรือเคยติดเชื้อ HPV มาก่อนในอดีต
การประกันสุขภาพครอบคลุมค่าใช้จ่ายหรือไม่
บริษัทประกันชีวิตบางแห่งอาจจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายแต่บางแห่งก็ไม่ครอบคลุม บริษัทประกันใหญ่ ๆ ส่วนมากมักจะวางแผนให้ครอบคลุมการฉีดวัคซีนพื้นฐาน อย่างไรก็ดี หลังฉีดวัคซีนอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหลังจากที่วัคซีนนั้นได้ถูกแนะนำให้ฉีดกว่าที่จะมีใช้แพร่หลายและครอบคลุมในการวางแผนสุขภาพ หากคุณต้องตรวจสอบกับบริษัทประกันชีวิตของคุณ ถ้าหากว่าผู้ให้บริการสามารถครอบคลุมการให้วัคซีนพื้นฐานในเด็ก วัคซีนมะเร็งปากมดลูกก็น่าจะครอบคลุมสำหรับเด็กหญิงและผู้หญิงในกลุ่มที่แนะนำ
มีวัคซีนสำหรับเด็กชายหรือผู้ชายหรือไม่
ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา แต่ ณ เวลานี้ได้รับการยอมรับให้ใช้เฉพาะกับเด็กหญิงและผู้หญิงเท่านั้น
ประสิทธิภาพของวัคซีน HPV เป็นอย่างไร
มีผลการทดลองทางคลินิกจากหลายแห่งพบว่าวัคซีน HPV มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันภาวะเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโตผิดปกติ ที่นำไปสู่มะเร็งปากมดลูกได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่ไม่เคยมีประวัติได้ติดเชื้อไวรัส HPV เรื้อรังมาก่อน เนื่องจากการพัฒนาของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติไปเป็นมะเร็งนั้นจะต้องใช้เวลาหลายปี ดังนั้นอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะพบว่าจำนวนการเกิดผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ลดลง อย่างไรก็ดีพบว่ามีการติดเชื้อไวรัส HPV เรื้อรังเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อที่เจริญเติบโตผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกในที่สุด ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามีการลดลงของความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งปากมดลูก
วัคซีนออกฤทธิ์ได้นานเท่าไร
วัคซีนจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ HPV ถ้าใช้ในกลุ่มคนที่ไม่เคยติดเชื้อ HPV มาก่อน ที่สำคัญคือ วัคซีนไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัส HPV ในกรณีที่มีการติดเชื้อเรื้อรังมาก่อนฉีดได้ ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าระยะเวลาการออกฤทธิ์ของ HPV จะอยู่ได้นานเท่าไรหรือจำเป็นต้องฉีดซ้ำเมื่อไร และบ่อยเท่าไร แต่เท่าที่มีข้อมูลล่าสุดในปัจจุบันรายงานถึงระยะเวลาที่วัคซีนจะออกฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสได้นานอย่างน้อย 3 – 5 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น ในอนาคตการติดตามผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนอาจจะให้ข้อมูลมากขึ้นว่าภูมิคุ้มกันของการให้วัคซีนจะลดลงเมื่อไรและจำเป็นต้องฉีดซ้ำเมื่อไร
หลังฉีดวัคซีนแล้วจำเป็นต้องตรวจหามะเร็งปากมดลูก (pap smear) อีกหรือไม่
ยังไม่มีคำแนะนำพิเศษเฉพาะสำหรับคนที่ได้รับวัคซีน HPV โดยปัจจุบันยังคงแนะนำให้ปฏิบัติตามแนวทางตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามปกติ ข้อมูลในส่วนนี้อาจจะต้องรอความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ป่วยควรทราบเกี่ยวกับวัคซีน HPV
ข้อมูลในปัจจุบันคือวัคซีน HPV นั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสซึ่งเป็นสาเหตุ สำคัญของ การเกิดมะเร็งปากมดลูก ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ป่วยควรตระหนักว่าวัคซีน HPVนั้น“ป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (หูด) เรื้อรัง” แต่ไม่สามารถใช้ในการรักษาการติดเชื้อไวรัส HPV ในคนที่มีการติดเชื้อมาก่อนแล้วได้
ทำไมต้องได้รับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก 3 เข็ม
นักวิจัยยังทราบแน่ชัดว่าระดับแอนติบอดี้ควรจะสูงเท่าไรจึงจะป้องกัน HPV 1 ได้ ในการทดลองทางคลินิก นักวิจัยสังเกตว่าระดับแอนติบอดี้ในผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละครั้งที่ได้รับวัคซีน เนื่องจากระดับแอนติบอดี้มักจะไม่ลดลงหลังจากหยุดให้วัคซีนก็น่าจะเป็นได้ว่าการเริ่มต้นด้วยแอนบอดี้ระดับสูงจะช่วยป้องกัน HPV ได้ยาวนานขึ้นอาจจะเป็นปีหรือหลายสิบปี และเมื่อเวลาผ่านไป นักวิจัยอาจพบว่า การให้วัคซีนอาจไม่จำเป็น หรือ การให้วัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันซ้ำอีกครั้งอาจจะจำเป็น
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกให้ประโยชน์ในกลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วหรือไม่
มีในการทดลองทางคลินิก Gardasil มีประสิทธิภาพในกลุ่มผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วอายุ 26 ปี หรือต่ำกว่าและในกลุ่มนี้บางคนอาจเคยติดเชื้อ HPV 1 สายพันธุ์หรือมากกว่าแล้ว Gardasil และ Cervarix จะป้องกัน HPV จำเพาะบางสายพันธุ์แต่ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยไม่เคยสัมผัสกับสายพันธุ์เหล่านี้มาก่อน ถ้าหากยิ่งมีจำนวนคู่นอนมากเท่าไหร่โอกาสในการติดเชื้อ HPV หลายสายพันธุ์ก็ยิ่งมีมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้แนะนำให้ผู้หญิงอายุ18 – 26 ปีบอกถึงประวัติเพศสัมพันธ์กับแพทย์เพื่อดูว่าประเมินถึงประโยชน์ที่จะได้จากวัคซีน โดยทั่วไปศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนแก่ผู้หญิงอายุ 18 – 26 ปี
วัคซีนมีผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือไม่
Gardasil และ Cervarix ได้พิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัย อาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยในผู้ป่วย ได้แก่ เจ็บบริเวณที่ฉีดยาตรงต้นแขน ไข้ต่ำหรืออาการคล้ายไข้หวัดก็อาจพบได้ บางครั้งอาจมีอาการเวียนศีรษะหรือเป็นลมเกิดขึ้นหลังฉีดยาได้ โดยเฉพาะในวัยรุ่น แต่โดยรวมแล้ว ผลข้างเคียงที่พบมักจะเล็กน้อย การให้ผู้ป่วยนั่งพักหลังฉีดยา 15นาทีจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นลมได้ อย่างไรก็ดี ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่ได้รับรายงานพบได้ในผู้หญิงจำนวนน้อย รวมถึงการแพ้ยาอย่างรุนแรง ภาวะทางระบบประสาท อย่างเช่น เป็นอัมพาตครึ่งซีก อ่อนแรง สมองบวม หรืออาจถึงแก่ชีวิต องค์การอาหารและยาได้เฝ้าระวังผลข้างเคียงเหล่านี้ ปัจจุบัน การรายงานถึงผลข้างเคียงเหล่านี้มักมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยมักจะไม่เกิดจากตัววัคซีนเอง
คุณจะป้องกันมะเร็งปากมดลูกอย่างไรหากคุณไม่ได้อยู่ในกลุ่มอายุที่แนะนำให้ฉีดวัคซีน
HPVแพร่กระจายผ่านการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ HPV โดยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ควรจำกัดจำนวนคู่นอน การไม่สูบบุหรี่ก็จะช่วยได้เนื่องจากการสูบบุรี่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกถึงสองเท่า
ในการค้นหามะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้นควรตรวจภายในประจำปี และ Pap tests นอกจากนี้ควรไปพบแพทย์ทันทีที่มี อาการผิดปกติที่อาจเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ เช่น มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ช่วงใกล้วัยหมดประจำเดือนหรือหลังหมดประจำเดือนไปแล้ว มีตกขาวกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปน ปวดท้องน้อย หรือเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์
ถุงยางอนามัยป้องกันการแพร่เชื้อ HPV ได้หรือไม่
การศึกษาปัจจุบันพบว่าการใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจำจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV อย่างไรก็ดี เนื่องจากถุงยางอนามัยไม่สามารถปกปิดบริเวณที่เป็นจุดแพร่กระจายของ HPV ได้ทั้งหมด มันจึงไม่อาจให้การป้องกันได้เต็มที่ ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัย ในบางครั้งอาจจะไม่สามารถป้องกัน HPV ได้ ควรตระหนักว่าในการป้องกันการติดเชื้อ HPV นั้นควรจะใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะมั่นใจในความสัมพันธ์อย่างไรก็ดี ถุงยางอนามัยจะลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เมื่อใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และใช้อย่างถูกวิธี
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีการติดเชื้อ HPV
ในส่วนใหญ่ ในคนที่ติดเชื้อ HPV มักไม่มีอาการผิดปกติ หนทางเดียวที่จะทราบได้ว่าคุณมีเชื้อ HPV ก็คือทดสอบหา ไวรัสโดยตรงจากการตรวจ Pap smear หรือการนำเนื้อเยื่อไปตรวจเพิ่มเติมพร้อมกับการทำ Pap smear หนทางเดียวที่จะบอกได้ว่าการติดเชื้อ HPV ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์มะเร็งปากมดลูกก็คือการทำ Pap smearสัญญาณของการติดเชื้อ HPV อาจจะปรากฏในช่วงเวลาเป็นสัปดาห์ เดือน หรือปีหลังจากได้รับเชื้อครั้งแรก ซึ่งก็คือความสำคัญว่าทำไมจึงจำเป็นต้องตรวจอย่างสม่ำเสมอ
มีการทดสอบหาเชื้อ HPV หรือไม่
มีการทดสอบ HPV สามารถค้นหาไวรัส HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์มะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ดี การทดสอบนี้ไม่สามารถบอกถึงชนิดของ HPV ไวรัสได้อย่างแน่ชัด ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจทั้ง Pap test และ HPV test ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การทดสอบ HPVสามารถช่วยให้เข้าใจผลการตรวจที่ก้ำกึ่งเกี่ยวกับเซลล์ที่ผิดปกติได้ อย่างไรก็ดีถ้าหากการทำ Pap testไม่แสดงภาวะความผิดปกติก่อนมะเร็งที่แน่ชัด การทดสอบ HPV ก็อาจจะไม่จำเป็น ที่ในที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมักเกิดจาก HPV
HPV สามารถรักษาได้หรือไม่
ในปัจจุบัน ไม่มีการรักษาสำหรับไวรัส แต่มีการรักษาสำหรับการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูกที่เกิดจาก HPV ถ้าหากผลการตรวจ Pap และ HPV แสดงว่าเซลล์ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลง คุณควรจะถามถึงทางเลือกในการรักษากับแพทย์เจ้าของไข้ เด็กหญิงและผู้หญิงอายุ 9 – 26 ปี สามารถป้องกันตนเองจาก HPV และปากมดลูกที่เปลี่ยนแปลงจาก HPV โดยการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ข้อนี้เป็นข้อมูลเชิงวิชาการ การนำไปใช้รักษาผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยาคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะไม่รับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามข้อมูลนี้ กรุณาปรึกษาแพทย์ที่ให้การดูแลรักษาท่าน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์. “คำถามที่พบบ่อย วัคซีนมะเร็งปากมดลูก”.
แหล่งที่มา : https://www.chulacancer.net/ (2 มกราคม 2558)
ภาพประกอบจาก : https://circleofdocs.com